มะนิลา 24 ก.ค.- ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงมองว่า เหตุกลุ่มติดอาวุธยึดเมืองมาราวี ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ที่ยืดเยื้อมา 2 เดือนแล้ว สะท้อนว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์จะต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านความมั่นคงครั้งใหญ่
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่า รัฐบาลละเลยสัญญาณเตือนที่มีมานานแล้วว่าแนวคิดสุดโต่งกำลังก่อตัวบนเกาะมินดาเนา และไม่หาทางสกัดนักรบต่างชาติที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมรบกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียและอิรักจึงเปลี่ยนจุดหมายมายังตอนใต้ของฟิลิปปินส์ ตำรวจข่าวกรองฟิลิปปินส์วัยเกษียณคนหนึ่งกล่าวว่า สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วมาก ฟิลิปปินส์จะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบบางอย่าง การสกัดการแพร่กระจายของก่อการร้ายไม่สามารถพึ่งพาข่าวกรองได้เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่จะต้องแก้ไขที่รากเหง้าของปัญหา
สถาบันวิเคราะห์นโยบายความขัดแย้งชี้ว่า ข่าวการสู้รบในเมืองมาราวีเป็นข่าวใหญ่ที่เผยแพร่ไปทั่วเครือข่ายกลุ่มติดอาวุธ จึงอาจกระตุ้นให้กลุ่มอื่น ๆ อยากมาเข้าร่วมกับกลุ่มที่ยึดเมืองอยู่ในขณะนี้ ซึ่งมีทั้งพี่น้องตระกูลมาอูเตและกลุ่มอาบูไซยาฟ ด้านนักรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดอลาซาลในกรุงมะนิลาแนะว่า รัฐบาลควรร่วมมือกับกลุ่มแยกดินแดนที่มีแนวคิดไม่รุนแรงเพื่อต่อต้านกระแสกลุ่มสุดโต่ง ขณะที่กองทัพควรกระชับร่วมมือกับสหรัฐและออสเตรเลียที่มีทั้งคำแนะนำปฏิบัติการและเครื่องบินลาดตระเวน พร้อมกับมองว่าปัญหามาราวีไม่ใช่ความบกพร่องด้านงานข่าวกรอง แต่เป็นเพราะรัฐบาลประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ทุ่มเททรัพยากรและกำลังคนไปกับการปราบปรามยาเสพติดมากกว่าการปราบปรามกระแสสุดโต่งทางตอนใต้ของประเทศ.- สำนักข่าวไทย