สหรัฐ 22 มิ.ย.-คลื่นความร้อนแผ่ปกคลุมภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐ ทำให้อากาศร้อนระอุในหลายพื้นที่ เช่นเดียวกับฝั่งยุโรป อากาศร้อนอบอ้าวตั้งแต่กรุงลอนดอนของอังกฤษ ไปจนถึงแคว้นไซบีเรียในรัสเซีย
พื้นที่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ พร้อมกับอากาศร้อนระอุ อุณหภูมิสูงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบหลายปี หลายเมืองในเขตทะเลทรายอุณหภูมิสูงถึง 49 องศาเซลเซียส พื้นที่รัฐแอริโซนา เนวาดา และแคลิฟอร์เนีย อุณหภูมิเฉลี่ยสูงกันถ้วนหน้า ที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา วัดได้ 49 องศาเซลเซียส สูงสุดในรอบ 20 ปี ส่วนที่หุบผามรณะ เดธ วัลเลย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย วัดได้ 51.6 องศาเซลเซลเซียส ขณะที่เมืองปาล์ม สปริง ในทะเลทรายโซโนแรน รัฐแคลิฟอร์เนียตอนใต้ วัดได้ 49.5 องศาเซลเซียส คณะนักวิจัยกล่าวว่า คลื่นความร้อนแบบนี้จะเกิดขึ้นบ่อยครั้งในอนาคต
ฟากยุโรปก็ถูกปกคลุมด้วยคลื่นความร้อนเช่นกัน ทำให้อากาศร้อนผิดปกติทั่วทวีป กรุงปารีสของฝรั่งเศสเผชิญความร้อนด้วยอุณหภูมิแตะระดับ 36 องศาเซลเซียส ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายสิบปี ผู้คนและนักท่องเที่ยวต้องลงไปเล่นน้ำบริเวณน้ำพุด้านนอกหอไอเฟลภายใต้แสงแดดที่แผดเผา
ที่กรุงลอนดอนของอังกฤษ อุณหภูมิเฉลี่ยสูงเกิน 30 องศาเซลเซียส ติดต่อกัน 5 วัน นับถึงวันพุธ นับเป็นครั้งแรกของเดือน มิ.ย. ตั้งแต่ปี 2538 และอุณหภูมิทางฝั่งตะวันตกของกรุงลอนดอนเมื่อวันพุธ วัดได้สูงถึง 33.9 องศาเซลเซียส ที่อิตาลี คลื่นความร้อนทำให้อากาศร้อนมากที่สุดในรอบ 15 ปี อุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ย 8 องศาเซลเซียส ที่เมืองมิลานเมื่อวันพุธ วัดได้ 33.9 องศาเซลเซียส และ 30 องศาฯ บนเทือกเขาแอลป์ ในระดับความสูง 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ขณะที่แคว้นไซบีเรียทางภาคตะวันออกของรัสเซียก็ยังเผชิญกับคลื่นความร้อนเช่นกัน อุณหภูมิที่เมืองคราสโนยาร์สก์ วัดได้ 37 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม ทางภาคเหนือของรัสเซียอากาศยังหนาวจัด อุณหภูมิที่เมืองเมอร์มานสก์เมื่อวันพุธ วัดได้ 1 องศาเซลเซียส และยังคงมีหิมะอยู่ทั่วไปในเมือง.-สำนักข่าวไทย