เจนีวา 27 พ.ค.- องค์การอนามัยโลกหรือดับเบิลยูเอชโอ (WHO) กำลังช่วยเหลือเกษตรกรจำนวนมากให้เปลี่ยนจากการปลูกยาสูบไปเป็นการปลูกพืชอาหาร เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านอาหาร โดยเฉพาะในภูมิภาคแอฟริกา
ดับเบิลยูเอชโอเผยก่อนที่จะถึงวันงดสูบบุหรี่โลก (World No Tobacco Day) 31 พฤษภาคมนี้ว่า ได้ร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ ในสหประชาชาติให้การสนับสนุนเกษตรกรที่ต้องการเปลี่ยนจากการปลูกยาสูบไปเป็นปลูกพืชอาหาร โดยได้ดำเนินโครงการนำร่องในเคนยาและประสบความสำเร็จด้วยดี จึงจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ
นายรูดิเกอร์ เครช ผู้อำนวยการด้านการส่งเสริมสุขภาพของดับเบิลยูเอชโอเผยว่า ทั่วโลกมีคนกำลังตกอยู่ในภาวะไร้ความมั่นคงด้านอาหารอย่างเฉียบพลันมากเป็นประวัติการณ์ถึง 349 ล้านคน เพิ่มขึ้นมากจาก 135 ล้านคนในปี 2562 แต่ขณะเดียวกันกลับมี 124 ประเทศปลูกยาสูบเป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่ 20 ล้านไร่ และมีการถางพื้นที่เพื่อปลูกยาสูบปีละ 1.25 ล้านไร่ แนวคิดที่ว่าการปลูกยาสูบช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตจะต้องถูกขจัดอย่างเร่งด่วน เพราะในประเทศที่ปลูกยาสูบอย่างมาลาวี โมซัมบิก ซิมบับเว แทนซาเนีย และมาซิโดเนียเหนือ ยาสูบครองสัดส่วนในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP) เพียงร้อยละ 1 เท่านั้น กำไรทั้งหมดเป็นของบริษัทยาสูบที่เข้าไปปลูกยาสูบในแอฟริกาเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 20 นับตั้งแต่ปี 2548 และทำให้เกษตรกรตกอยู่ในวงจรแห่งการพึ่งพา ด้วยการทำให้พวกเขาไม่มีสิทธิในการกำหนดคุณภาพและราคาของผลผลิต จึงตกอยู่ในกับดักของการต้องชำระหนี้ก่อน จึงจะสามารถปลูกยาสูบเพื่อส่งขายให้บริษัทได้.-สำนักข่าวไทย