เม็กซิโกซิตี 14 มี.ค.- ประธานาธิบดีเม็กซิโกยืนยันว่า เม็กซิโกเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยมากกว่าสหรัฐ หลังจากสหรัฐแจ้งเตือนให้ชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงการเดินทางไปเม็กซิโก เนื่องจากเกิดเหตุชาวอเมริกันกลุ่มหนึ่งถูกลักพาตัวและมีคนเสียชีวิต
ประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ของเม็กซิโกกล่าวระหว่างการแถลงข่าวประจำวันในช่วงเช้าว่า เม็กซิโกปลอดภัยกว่าสหรัฐ การเดินทางทั่วเม็กซิโกไม่เคยมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย พลเมืองชาวอเมริกันรู้ดี เช่นเดียวกับชาวเม็กซิกันที่อาศัยอยู่ในสหรัฐ และเมื่อสื่อท้องถิ่นถามเรื่องสถานการณ์ความปลอดภัยในเม็กซิโก ประธานาธิบดีโลเปซ โอบราดอร์ตอบว่า รัฐบาลสหรัฐแจ้งเตือนว่ามีเพียงรัฐกัมเปเชและรัฐยูกาตังในเม็กซิโกเท่านั้นที่ปลอดภัย หากเป็นเช่นนั้นจริง คงไม่มีชาวอเมริกันจำนวนมากเดินทางมาอาศัยอยู่ในกรุงเม็กซิโกซิตีและเมืองอื่น ๆ ทั่วเม็กซิโก ผู้นำเม็กซิโกอ้างว่า นักการเมืองหัวอนุรักษนิยมในสหรัฐมีการเคลื่อนไหวต่อต้านเม็กซิโก เพราะไม่ต้องการให้เม็กซิโกเดินหน้าพัฒนาเพื่อประโยชน์ของชาวเม็กซิกัน
สำนักงานความปลอดภัยสาธารณะของรัฐเทกซัสออกคำแนะนำเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ให้ชาวเทกซัสหลีกเลี่ยงการเดินทางไปเม็กซิโกในช่วงวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ โดยอ้างเรื่องแก๊งอาชญากรก่อความรุนแรง ขณะที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐออกคำแนะนำ “ไม่เดินทาง” กับ 6 รัฐในเม็กซิโกจากทั้งหมด 32 รัฐ คำแนะนำ “ทบทวนการเดินทาง” กับ 7 รัฐ และคำแนะนำ “เพิ่มความระมัดระวัง” กับ 17 รัฐ หลังจากเมื่อต้นเดือนมีนาคมเกิดเหตุชาวอเมริกัน 4 คนถูกลักพาตัวขณะเดินทางอยู่ในเมืองมาตาโมโรส รัฐตาเมาลีปัส ติดกับพรมแดนรัฐเทกซัสของสหรัฐ คาดว่าเป็นฝีมือของสมาชิกกัลฟ์คาร์เทล (Gulf Cartel) ที่เป็นแก๊งอาชญากรและค้ายาเสพติด มีชาวอเมริกัน 2 คนเสียชีวิต รวมทั้งชาวเม็กซิโกที่เห็นเหตุการณ์อีก 1 คน.-สำนักข่าวไทย