ฟลอริดา 16 พ.ย.- จรวดที่ทรงพลังที่สุดขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐหรือนาซา (NASA) ทะยานจากฐานปล่อยขึ้นไปปฏิบัติภารกิจอาร์ทิมิสวัน (Artemis 1) ซึ่งเป็นภารกิจสำรวจดวงจันทร์แล้วในวันนี้
จรวดเอสแอลเอส (SLS) ความสูงเท่าตึก 32 ชั้นที่นาซาใช้เวลาพัฒนากว่าทศวรรษ ทะยานขึ้นจากฐานปล่อยที่ศูนย์อวกาศเคนเนดีในรัฐฟลอริดาเมื่อเวลา 01:47 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 13:47 น.วันนี้ตามเวลาไทย มีแรงขับจรวดมากเป็นประวัติการณ์ถึง 39 เมกะนิวตัน เพื่อนำยานโอไรอัน (Orion) ที่ไร้นักบินอวกาศไปยังดวงจันทร์ เป็นเที่ยวบินทดสอบสำหรับนำร่องเที่ยวบินที่จะมีนักบินอวกาศหญิงคนแรกและนักบินอวกาศผิวสีคนแรกขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ภายในกลางคริสต์ทศวรรษ 2020 หลังจากสหรัฐส่งนักบินอวกาศขึ้นไปบนดวงจันทร์ครั้งหลังสุดในช่วงปี 2512-2515 นาซาวาดหวังว่า จะสามารถตั้งถิ่นฐานมนุษย์และสถานีอวกาศดวงจันทร์เพื่อเตรียมการสำหรับภารกิจไปดาวอังคารในคริสต์ทศวรรษหลังปี 2030
ช่วงเวลานับถอยหลังปล่อยจรวดที่เริ่มตั้งแต่เวลา 01:04 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 13:04 น.วันนี้ตามเวลาไทย เป็นช่วงเวลาตื่นเต้นเนื่องจากทีมงานต้องแก้ไขปัญหาวาล์วรั่วที่ทำให้วิศวกรต้องระงับการปล่อยเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเหลวเข้าไปที่จรวดท่อนกลางเมื่อคืนวันอังคาร ทีมงานใช้เวลาแก้ไขที่ฐานปล่อยประมาณ 1 ชั่วโมงด้วยการไขสลักเกลียวให้แน่นขึ้น ยานโอไรอันทะยานขึ้นจากฐานปล่อยด้วยจรวดเพิ่มแรงส่งหรือบูสเตอร์ 2 ตัวและเครื่องยนต์ทรงพลัง 4 ตัวที่อยู่ใต้จรวดท่อนกลาง ก่อนที่จรวดท่อนกลางจะแยกตัวออกไปภายในไม่กี่นาที ขณะที่จรวดท่อนบนจะนำยานเข้าสู่เส้นทางไปดวงจันทร์ โดยต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะถึงจุดหมาย ยานโอไรอันจะไม่ลงจอดบนดวงจันทร์ แต่จะโคจรอยู่ห่าง ๆ ถัดจากด้านมืดของดวงจันทร์ออกไป 64,000 กิโลเมตร ไกลกว่าที่ยานที่มีนักบินอวกาศเคยโคจรมาก่อน ภารกิจอาร์ทิมิสวันจะใช้เวลาทั้งหมด 25 วันครึ่ง จากนั้นยานโอไรอันจะตกลงในมหาสมุทรแปซิฟิกในวันที่ 11 ธันวาคม.-สำนักข่าวไทย