สหกรณ์แจ้งปรับราคาไข่ไก่ฟองละ 20 สตางค์

กรุงเทพฯ 20 ก.ค. – สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แจ้งปรับราคาไข่คละหน้าฟาร์มขึ้นอีก 20 สตางค์เป็น 3.40 บาท โดยเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 2 ในเดือนกรกฎาคม จากที่ก่อนหน้านี้ราคาไข่ไก่ดิ่งลงต่ำกว่าฟองละ 2.80 บาท เนื่องจากไข่ไก่ล้นตลาด สวนทางกับต้นทุนการผลิตที่สูงต่อเนื่อง ขณะที่กรมการค้าภายในย้ำร้านอาหารตามสั่งอย่าขึ้นราคาแพงเกินไป และขอให้ผู้บริโภคเห็นใจผู้เลี้ยงไก่ไข่ต้นทุนแพงขึ้นแต่อยู่ในเพดานราคาที่รัฐติดตามอยู่


เครือข่ายสหกรณ์ ได้แก่ สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูด จำกัด และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ลุ่มแม่น้ำน้อย จำกัด แจ้งประกาศราคาแนะนำไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเกษตรกร วันที่ 20 กรกฎาคม 2565 ราคาแนะนำไข่ไก่คละอยู่ที่ฟองละ 3.40 บาท (น้ำหนัก 20.5 กิโลกรัมขึ้นไป) ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงราคาจะแจ้งให้ทราบภายหลัง

การปรับราคาขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของเดือนกรกฎาคม หลังจากที่ราคาไข่หน้าฟาร์มตกต่ำอย่างมากเนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ล้นตลาดตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม จนกระทั่งราคาต่ำกว่า 2.80 บาทต่อฟอง เกษตรกรจึงร้องขอให้กรมปศุสัตว์ช่วยเหลือ พร้อมระบุว่า ราคาจำหน่ายที่ต่ำลงสวนทางกับต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องทั้งค่าอาหารสัตว์และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจากสถานการณ์สงครามรัสเซีย–ยูเครน ทำให้ต้นทุนการผลิตตั้งแต่ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมเฉลี่ยอยู่ที่ 3.02 บาทต่อฟอง 


ทางด้านกรมปศุสัตว์ได้ประชุมหารือร่วมกับภาคเอกชนผู้ผลิตไข่ไก่ ทั้งรายเล็ก รายกลางและรายใหญ่ พบว่า ผู้เลี้ยงไก่ไข่บางส่วนลดการปลดไก่ไข่ลงเนื่องจากราคาไข่ไก่ช่วงต้นปีปรับสูงขึ้นเป็นแรงจูงใจ เป็นเหตุให้กำลังการผลิตเพิ่มสูงขึ้นมาก ร่วมกับภาวะเศรษฐกิจที่กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคทำให้ไข่ไก่ล้นตลาด จึงได้มีการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ประกอบด้วย 

1) ขอความร่วมมือผู้ประกอบการเร่งปลดไก่ไข่ยืนกรงตามอายุที่เหมาะสม โดยไม่เกิน 80 สัปดาห์ 

2) ขอความร่วมมือผู้ประกอบการไก่ไข่พันธุ์ (PS) 16 ราย ร่วมกันผลักดันไข่ไก่ส่งออกหรือปลดไก่ไข่ยืนกรงก่อนกำหนดทดแทน เป้าหมายเพื่อลดปริมาณไข่ไก่ภายในประเทศ 58 ล้านฟอง ระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2565 


ผลการดำเนินการส่งผลให้สถานการณ์ไข่ไก่ล้นตลาดเริ่มคลี่คลาย และปริมาณการผลิต-การบริโภคเริ่มกลับสู่สมดุลทำให้สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่หลายแห่งมีการประกาศราคาไข่ไก่คละ ณ หน้าฟาร์มเกษตรกรในวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 อยู่ที่ 3.20 บาทต่อฟอง แล้วปรับขึ้นอีกครั้งในวันนี้

ข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ระบุว่า ในปี 2564 มีไก่ไข่ 50.90 ล้านตัว มีไข่ไก่ประมาณ 42 ล้านฟองต่อวัน ทั้งปีผลิตได้ 15,420 ล้านฟอง ส่วนอัตราการบริโภคไข่ไก่ใน พ.ศ. 2564 คิดเป็น 230 ฟอง/คน/ปี ขณะที่ช่วงครึ่งปีแรกของ พ.ศ. 2565 อยู่ที่ 225 ฟอง/คน/ปี ซึ่งลดลงกว่าปีที่ผ่านมา อีกทั้งอัตราการบริโภคไข่ไก่ของคนไทยต่ำกว่าประเทศอื่น เช่น ญี่ปุ่น 345 ฟอง/คน/ปี จีน 399 ฟอง/คน/ปี เป็นต้น ทำให้หน่วยงานต่าง ๆ เร่งส่งเสริมการบริโภคไข่ไก่และพัฒนาโภชนาการให้เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย เพื่อเพิ่มอัตราการบริโภคไข่ไก่ของคนไทยในภาพรวมตามเป้าหมายปี 2566 ให้ได้ 300 ฟอง/คน/ปี

นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวถึงกรณีที่ทางสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยปรับราคาไข่คละหน้าฟาร์มอยู่ที่ 3.40 บาท/ฟอง ที่มีผลตั้งแต่วันนี้ (20 ก.ค.) นั้น สาเหตุหลักมาจากก่อนหน้านี้กรมปศุสัตว์ได้ออกประกาศลดจำนวนแม่ไก่ลง ทำให้ปริมาณไข่ไก่ที่จะออกสู่ตลาดน้อยลงและจากภาวะต้นทุนทั้งอาหารเลี้ยงสัตว์ ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงไข่ไก่มีมาก ซึ่งการปรับขึ้นราคาไข่คละหน้าฟาร์มมาอยู่ที่ฟองละ 3.40 บาทในครั้งนี้ ถือว่าอยู่ในข้อตกลงที่ทางสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่และเกษตรกรผู้เลี้ยงรายย่อยตกลงกับทางกรมการค้าภายในของเพดานราคาดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า มีหลายสาเหตุที่ทำให้ปริมาณไข่ไก่น้อยลง แต่คาดว่าในเร็ว ๆ นี้ ปริมาณไข่ไก่จะเพิ่มขึ้นเข้ามาในระบบ และจะทำให้ราคาไข่ไก่ปรับลดลงตามกลไกตลาดได้ ซึ่งการติดตามราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคของกระทรวงพาณิชย์มีการตรวจเช็กทุกวัน โดยสินค้าที่อยู่ในกลุ่มการครองชีพทางกรมการค้าภายในดูแลอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมา ไม่ว่าราคาไข่ไก่ในตลาดจะสูงขึ้นหรือลดลง กระทรวงพาณิชย์จัดทำโครงการพาณิชย์ลดค่าครองชีพทั่วประเทศต่อเนื่องอยู่แล้ว โดยจะนำสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู ไก่ ไข่ น้ำมันปาล์มและอื่น ๆ ไปจำหน่ายทุกพื้นที่ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชนได้เลือกซื้อสินค้าราคาถูกว่าท้องตลาดมาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กรมการค้าภายในยังร่วมกับพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ออกตรวจสอบราคาสินค้าทั้งตลาดสดและห้างสรรพสินค้า เพื่อติดตามไม่ให้สินค้าขาดแคลน รวมถึงยังสุ่มตรวจร้านอาหารทุกพื้นที่ไม่ให้เกิดปัญหาโก่งราคาสินค้ามากจนเกินไป ดังนั้น ฝากเตือนผู้ที่จะฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภคที่กระทำการค้ากำไรเกินควรให้หยุด หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมร้องเรียนสายด่วน 1569 ได้ทันที ซึ่งโทษผู้กระทำการค้ากำไรเกินควรมีโทษปรับไม่เกิน 140,000 บาท จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

เรือใบอิตาลีที่สวยงามที่สุดในโลกเดินทางถึงภูเก็ตแล้ว

ภูเก็ตคึกคัก เรือใบอิตาลีที่ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุดลำหนึ่งของโลก ออกเดินทางมาแล้วรอบโลก ได้เข้าจอดเทียบท่าจังหวัดภูเก็ต โดยมีทัพเรือภาคที่ 3 ให้การต้อนรับทหารเรืออิตาลีกว่า 150 นาย อย่างอบอุ่นพร้อมเปิดให้ประชาชนขึ้นชมเรือฟรีได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.)

พระเปย์สีกา ช่องโหว่ผลประโยชน์ในดงขมิ้น

รองเจ้าอาวาสวัดชื่อดังแห่งหนึ่งในมหาสารคาม ขอลาสิกขากลางดึก หลังถูกแฉ เป็นพระปลัดใจป๋า เปย์สีกาไม่อั้น ขณะที่รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สั่งตรวจสอบว่า เป็นเงินส่วนตัว หรือ เงินวัด เพราะจะมีความผิดแตกต่างกัน

“สันธนะ” เปิดใจหลังเคลียร์ใจ “ชูวิทย์” กลับไทยขึ้นศาล

“สันธนะ” เผย นอนคิดมา 1 คืนเริ่มใจอ่อนรับคำขอโทษ “ชูวิทย์” รับรู้ถึงความจริงใจ แต่คดีอาญาถอนฟ้องไม่ได้ ต้องปล่อยไปตามกฎหมาย