กรุงเทพฯ 23 มี.ค. – “เสก โลโซ” ยังรอดนอนคุก คดีเสพยาและอาวุธปืน ศาลฎีกาเลื่อนสั่งคดี ขณะก่อนหน้านี้ 2 ศาล ตัดสินจำคุกไม่ต่ำกว่า 2 ปี
ศาลอาญามีนบุรี นัดฟังคำสั่งศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 12 (มีนบุรี) เป็นโจทก์ฟ้องนายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือเสก โลโซ ร็อกเกอร์ชื่อดัง อายุ 47 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานมีอาวุธปืนพกออโตเมติกซึ่งมีทะเบียน พร้อมกระสุนปืน และต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยมีหรือใช้อาวุธปืน และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ในเหตุการณ์ที่เสก โลโซ ขังตัวเองอยู่ในห้อง พร้อมประกาศขู่ยิงตำรวจที่นำหมายจับเข้าบุกบ้านพักย่านคันนายาว
วันนี้ เสก โลโซ พร้อมด้วยกานต์-วิภากร ศุขพิมาย ภรรยา, เอมมี่ แม็กซิม นางแบบชื่อดัง เดินทางมาศาล และเพื่อนๆ ศิลปิน ประมาณ 10 คน เดินทางมาให้กำลังใจ
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า จำเลยยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษารับรองฎีกาในความผิดฐานอื่น (มีอาวุธปืน หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่) ซึ่งไม่ใช่ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ว่ามีเหตุอันสมควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยฎีกาของจำเลย โดยระบุชื่อผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เพื่อขอให้พิจารณาคำร้องของจำเลยไว้ด้วย แต่ปรากฏว่าไม่ได้ดำเนินการตามคำร้องของจำเลยให้ครบถ้วน จึงให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาของจำเลยในความผิดฐานอื่น ซึ่งไม่ใช่ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และให้ศาลชั้นต้นดำเนินให้เสร็จ แล้วให้ศาลชั้นต้นรวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งคืนศาลฎีกา กรณีนี้จึงไม่จำต้องวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์ ไม่รับฎีกาในความผิดฐานอื่นของจำเลย ให้ยกคำร้องในชั้นนี้ ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความศาลฎีกา
นายเสกสรรค์ เปิดเผยภายหลังออกจากห้องพิจารณาคดีว่า วันนี้รู้สึกตื่นเต้นมากกว่าทุกครั้งในชีวิต เเต่วันนี้ศาลได้เมตตาให้เลื่อนฟังคำสั่งออกไป ส่วนเหตุผลในการเลื่อนนั้น ตนยังไม่เข้าใจศัพท์ของทางศาล ยอมรับว่าจากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ตัวเองต้องปรับตัวในการใช้ชีวิตมากขึ้นกว่าเดิม คิดใหม่ทำใหม่ ใจเย็น ไม่ใจร้อน ส่วนขั้นตอนในเรื่องของคำสั่งคดีนั้น เป็นหน้าที่ของทนายความที่จะยื่นเอกสารเพิ่มเติมให้กับศาลพิจารณาประกอบคำร้องต่อไป
นอกจากนี้นายเสกสรรค์ ยังระบุอีกว่า ชีวิตครอบครัวทุกวันนี้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยต่างคนต่างปรับตัวเข้าหากัน พยายามไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันเหมือนเก่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2561 พิพากษาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดทั้ง 3 ข้อหา ให้จำคุกตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ 1 ปี รับสารภาพลดโทษเหลือ 6 เดือน, ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน และฐานเสพยาเสพติด จำคุกอีก 6 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 18 เดือน และให้บวกโทษของศาลอาญา คดีทำร้ายร่างกายสาวคนสนิทภรรยา อีก 1 ปี 3 เดือน รวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 2 ปี 21 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ แม้ว่าจำเลยอ้างป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ขณะกระทำผิด เนื่องจากเห็นว่าจากพฤติการณ์การสื่อสารกับเจ้าหน้าที่พบว่าจำเลยรู้ผิดชอบดี จึงไม่อาจอ้างภาวะป่วยดังกล่าวได้ การกระทำของจำเลยนั้นไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และให้นับโทษจำเลยต่อจากคดี พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย
ต่อมาวันที่ 7 พ.ค. 2563 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานมีอาวุธปืนซึ่งเป็นของผู้อื่นที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 5 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นจำคุก 1 ปี 15 เดือน บวกโทษจำคุก 1 ปี 3 เดือน เป็นจำคุก 2 ปี 18 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งจำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา โดยศาลตีราคาประกัน 600,000 บาท.-สำนักข่าวไทย