สุรินทร์ 16 ก.ค. – แม้เพิ่งผ่านเหตุป่วนปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ จนนักท่องเที่ยวต้องวิ่งหลบเข้าบังเกอร์เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ แต่วันนี้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและกัมพูชายังคงเข้าไปเที่ยวคึกคัก ล่าสุดมีการปรับลดกำลังบนตัวปราสาทฝั่งละ 3 นาย
ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ คึกคัก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยากมาให้กำลังใจทหารที่ทำหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติอย่างแข็งขัน หลังวานนี้ (15 ก.ค.) เกิดเหตุป่วนปราสาทตาเมือนธม ล่าสุดมีการปรับลดกำลังของแต่ละฝ่ายบนตัวปราสาท ฝั่งละ 3 นาย
บรรยากาศปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ นักท่องเที่ยวทยอยเข้าพื้นที่ตั้งแต่เช้าก่อนเวลาเปิด ทั้งรถส่วนตัว รถทัวร์ รถตู้โดยสาร โดยรถทัวร์ 2 คัน ผู้โดยสาร 150 คน มาจากเทศบาลตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี นำสิ่งของมาบริจาคบำรุงขวัญทหาร ตำรวจแนวหน้า ขณะที่กลุ่มคนสวมเสื้อสกรีนข้อความ “รักเธอประเทศไทย” เป็นกลุ่มคุณเจน ญาณปรีดส์ ราว 40 คน เดินทางด้วยรถตู้ 4 คัน มาจากกรุงเทพฯ

นอกจากมอบสิ่งของบริจาคเพื่อทหารทุกนายแล้ว ยังมอบเงินพิเศษให้ทหาร 2 นาย คนละ 10,000 บาท หลังตอบโต้ทหารกัมพูชาอย่างเผ็ดร้อนในเหตุการณ์ป่วนปราสาทตาเมือนธม เมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) จนประทับใจคนไทยทั้งประเทศ โดยพวกเขายืนยันว่าไม่รู้สึกหวาดกลัวเหตุปะทะแต่อย่างใด เพราะมองเรื่องที่สำคัญกว่าคือการมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ
ปกติเจ้าหน้าที่เปิดให้เข้าไปท่องเที่ยวในช่วงเวลา 09.00-15.00 น. แต่วันนี้เปิดช้ากว่ากำหนดราวครึ่งชั่วโมง เพราะมีการประชุมซักซ้อม ทบทวนแผนการปฏิบัติ โดยทหารทั้งสองฝ่ายตกลงปรับลดกำลังที่ประจำการบริเวณตัวปราสาท จากเดิมฝั่งละ 10 นาย เหลือฝั่งละ 7 นาย
พ.ท.จักรกฤษ ปิยะศุภฤกษ์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 21 ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้สถานการณ์ทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ นักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่ตะโกนใส่ทหารไทยว่ารุกล้ำเขตแดน ไม่ได้เป็นทหารหญิงตามที่โซเชียลมีเดียแชร์ข้อมูล และฝ่ายกัมพูชารับปากว่าจะคัดกรองนักท่องเที่ยวให้เข้มงวดขึ้น
สำหรับบริเวณใกล้ทางเข้าตัวปราสาท มีหลุมหลบภัยหรือบังเกอร์ที่ซับซ้อน โดยมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ จำนวน 4 หลุม สร้างเสร็จแล้ว 2 หลุม รองรับคนได้หลุมละ 80 คน อีก 2 หลุมคาดว่าจะเสร็จภายในวันนี้ (16 ก.ค.) แต่ต้องรอรถแบ็กโฮชุดใหม่ หลังชุดเก่าตกใจกับเหตุการณ์เมื่อวานแล้วถอนตัวออกไป ส่วนการจอดรถเจ้าหน้าที่กำชับให้ทุกคันหันหัวรถออกมาทางถนน หากเกิดสถานการณ์เร่งด่วนสามารถอพยพออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด.-สำนักข่าวไทย