บทความนี้เรียบเรียงโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) โดยมีเนื้อหาหลักจากคลิปวิดีโอ
10 กรกฎาคม 2568
ภาวะตาดับ หรือการมองภาพค่อย ๆ มืดลง เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง เราจะสังเกตและป้องกันได้อย่างไร ?
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย
(สัมภาษณ์เมื่อ 2 กรกฎาคม 2568)
“ภาวะตาดับ” ภัยเงียบที่ต้องระวัง สัญญาณเตือนที่ห้ามมองข้าม
ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างยิ่ง การมองเห็นที่ชัดเจนคือของขวัญล้ำค่า แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากวันหนึ่งโลกทั้งใบกลับมืดลงอย่างกะทันหัน ?
ภาวะ “ตาดับ” หรือการสูญเสียการมองเห็นอย่างเฉียบพลัน เป็นภัยเงียบที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และมักเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงซึ่งเราไม่ควรมองข้าม
“ตาดับ” คืออะไร ? เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ภาวะตาดับคือการสูญเสียการมองเห็น ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ แบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งมักมีสาเหตุจากโรคตาที่รู้จักกันดี เช่น ต้อกระจก หรือต้อหิน และ แบบเฉียบพลัน ที่การมองเห็นจะหายไปอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่นาทีหรือชั่วโมง ซึ่งเป็นภาวะที่น่าตกใจและต้องการการดูแลอย่างเร่งด่วน
3 สาเหตุหลักของภาวะ “ตาดับเฉียบพลัน”
ภาวะตาดับเฉียบพลันมีสาเหตุได้จากหลายปัจจัย แต่มี 3 สาเหตุหลักที่พบบ่อยและมีความรุนแรง ดังนี้
- หลอดเลือดจอประสาทตาอุดตัน : นับเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยและอันตรายที่สุด เกิดจากการมีลิ่มเลือดหรือไขมันเข้าไปอุดตันในหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงจอประสาทตา ซึ่งอาจมีปัจจัยเสี่ยงมาจากภาวะไขมันในเลือดสูง นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่น่าตกใจจากการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใบหน้า แล้วสารฟิลเลอร์หลุดเข้าไปอุดตันหลอดเลือดจอประสาทตาได้เช่นกัน
- เส้นประสาทตาอักเสบ (Optic Neuritis) : ภาวะนี้ทำให้การมองเห็นลดลงอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่นาที โดยอาจเกิดจากโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง หรือการอักเสบโดยตรงของเส้นประสาทที่ทำหน้าที่ในการมองเห็น
- ม่านตาอักเสบ : ม่านตาทำหน้าที่ควบคุมปริมาณแสงที่เข้าสู่ดวงตา เมื่อเกิดการอักเสบ จะส่งผลกระทบต่อการมองเห็น ทำให้ตาค่อยๆ มัวลง และรู้สึกเหมือนตาดับไปในที่สุด
ภาวะม่านตาอักเสบ สาเหตุและอาการที่ต้องรู้
ม่านตาอักเสบเป็นภาวะที่น่าสนใจเพราะบางครั้งไม่สามารถระบุสาเหตุจากภายนอกได้ แต่อาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยภายในร่างกาย เช่น
- โรคภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง : เช่น โรค SLE หรือ รูมาตอยด์
- การติดเชื้อ : เช่น เชื้อไวรัสบางชนิด
- การถูกกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม : การเผชิญกับแสงสว่างจ้า หรือการอยู่ในที่ที่ความสว่างเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ อาจกระตุ้นให้อาการอักเสบรุนแรงขึ้นได้
อาการที่ควรสังเกต
- อาจเกิดขึ้นกับตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
- มีอาการตาแดง แต่ไม่มีขี้ตา
- มองเห็นภาพมัว เหมือนมีหมอกหรือควันบังอยู่ตลอดเวลา
- อาการมักเกิดขึ้นค่อนข้างเร็ว ภายใน 1-2 วัน หรือเพียงไม่กี่ชั่วโมง
การป้องกันและการรับมือที่ดีที่สุด
แม้ว่าภาวะม่านตาอักเสบมักเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุและอาจเป็น ๆ หาย ๆ ได้ แต่การรับมือที่ดีที่สุดคือการไม่นิ่งนอนใจ หากคุณเคยมีประวัติม่านตาอักเสบและเริ่มมีอาการอีกครั้ง ควรรีบไปพบจักษุแพทย์ทันที
การพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่เพียงแต่จะช่วยรักษาดวงตาของคุณจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นอย่างถาวร แต่ยังเป็นการตรวจหาโรคอื่นๆ ที่อาจซ่อนอยู่และเป็นต้นเหตุของอาการ เพื่อให้คุณสามารถปกป้องได้ทั้งดวงตาและสุขภาพโดยรวมของร่างกาย
ดังนั้น จงอย่าละเลยสัญญาณเตือนใดๆ ที่ดวงตาส่งมา การหมั่นสังเกตความผิดปกติและรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดจากภัยเงียบที่เรียกว่า “ตาดับ”
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์
ตรวจสอบบทความโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส
ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : สาเหตุภาวะตาดับ
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter