1 มี.ค. – การสู้รบระหว่างกองทัพยูเครนและรัสเซียยังคงดุเดือดต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 หลังรัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มเมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครน หนักหน่วง จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ขณะที่ในกรุงเคียฟมีทั้งเสียงปืนและเสียงสัญญาณไซเรนดังไปทั่ว ส่วนการเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายยุติลงแล้ว แม้ไม่มีความคืบหน้า แต่ทั้งสองฝ่ายตกลงจะเจรจากันต่อในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
การสู้รบระหว่างกองทัพยูเครนและรัสเซียยังคงดุเดือดต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 แม้จะมีการเจรจาหยุดยิงของรัฐบาลทั้งสองฝ่าย หลังรัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มเมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครน หนักหน่วง จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และยังพบการใช้ระเบิดพวงและระเบิดดาวกระจายด้วย แม้ประเทศกว่า 110 ประเทศทั่วโลกจะลงนามให้ยุติการใช้อาวุธลักษณะดังกล่าว ภายใต้อนุสัญญาในปี 2008 แต่ทั้งสองประเทศไม่ได้ลงนามในข้อตกลงห้ามใช้
ขณะที่ในกรุงเคียฟมีทั้งเสียงปืนและเสียงสัญญาณไซเรนดังไปทั่ว ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากต้องกลับเข้าไปซ่อนตัวตามสถานที่หลบภัยใต้ดินอีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งออกมาข้างนอก หลังคำสั่งเคอร์ฟิวสิ้นสุดได้เพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ดี แม้ทหารรัสเซียจะตรึงกำลังอยู่ห่างจากกรุงเคียฟไปทางเหนือเพียง 30 กิโลเมตร แต่ต้องเผชิญการต้านทานที่แข็งแกร่งจากกองทัพยูเครน ทำให้ยังไม่สามารถบุกยึดได้ เช่นเดียวกับสถานการณ์ในเมืองเชอร์นิฮิฟ ซึ่งมีการสู้รบระหว่างสองฝ่าย จนทำให้บ้านเรือนจำนวนมากและร้านค้าหลายแห่งเสียหายจากกระสุนปืนใหญ่และขีปนาวุธ ชาวบ้านต้องหนีตายกันจ้าละหวั่น ขณะที่ทางการยูเครนยังยืนยันว่ายังสามารถรักษาทั้งกรุงเคียฟ เมืองคาร์คิฟ และเมืองเชอร์นิฮิฟ เอาไว้ได้
นอกจากนี้ทหารยูเครนยังอยู่ระหว่างต้านทานรัสเซียไม่ให้ยึดเมืองมาริอูโปล เมืองท่าสำคัญทางใต้ ไม่ไกลจากแคว้นไครเมีย รวมถึงปฏิเสธข่าวที่กองทัพรัสเซียอ้างว่าสามารถยึดเมืองซาปอริสเซีย ที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดในยุโรปด้วย
ส่วนการเจรจาหยุดยิงระหว่างผู้แทนรัสเซียและยูเครน ที่เมืองโกเมลในเบลารุส ปิดฉากลงแล้ว โดยไม่มีความคืบหน้าใดๆ ว่าทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงใดๆ ร่วมกันเพื่อยุติการสู้รบได้ ขณะนี้ผู้แทนทั้งสองฝ่ายเดินทางกลับเมืองหลวงของตนเอง เพื่อหารือกันเองเพิ่มเติม แต่ตกลงที่จะเจรจากันรอบใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ขณะที่ก่อนหน้าการเจรจารอบแรก ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระบุไม่ตั้งความหวังมากนักว่าการเจรจาครั้งนี้จะช่วยยุติสงคราม แต่จะขอลองดู และเรียกร้องให้รัสเซียวางอาวุธและถอนกำลังทันที
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้สหภาพยุโรป หรืออียู ยอมรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกอียูในทันที ภายใต้เงื่อนไขพิเศษ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการพิจารณาสมาชิกภาพ เชื่อจะช่วยให้ยูเครนสามารถรับความช่วยเหลือจากชาติสมาชิกอียูในการป้องกันตนเองจากการโจมตีของรัสเซียได้ดียิ่งขึ้น
ด้านสหประชาชาติรายงานว่า มีพลเรือนยูเครนเสียชีวิตจากการสู้รบตลอด 5 วันที่ผ่านมาอย่างน้อย 102 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กหลายคน บาดเจ็บมากกว่า 300 คน และมีพลเรือนมากกว่า 500,000 คนแล้วที่อพยพจากบ้านเรือนหนีตายข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนใหญ่หนีไปยังโปแลนด์ ฮังการี และมอลโดวา
ขณะที่กระทรวงกลาโหมยูเครนระบุในแถลงการณ์ผ่านหน้าเพจเฟซบุ๊ก อ้างว่าสามารสังหารทหารรัสเซียตลอดการสู้รบ 4 วันที่ผ่านมา ได้มากกว่า 5,300 นาย นอกจากนี้ยังทำลายอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ทหาร รถถัง ยานยนต์หุ้นเกราะ และปืนใหญ่ได้อีกจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีสื่อต่างประเทศสำนักใดยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวถูกต้อง ส่วนกระทรวงกลาโหมรัสเซียเพิ่งออกมายอมรับครั้งแรกวานนี้ว่ามีทหารรัสเซียเสียชีวิตและบาดเจ็บจากการสู้รบในยูเครน แต่ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขที่แน่ชัด
ล่าสุดมีรายงานว่าสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า และสหพันธ์ฟุตบอลแห่งชาติยุโรป หรือยูฟ่า ประกาศห้ามทีมชาติรัสเซียและสโมสรของรัสเซียจากการแข่งขันระดับนานาชาติในทุกรายการแล้ว เพิ่มเติมจากคำสั่งก่อนหน้านี้ที่ไม่ให้นักเตะทีมชาติรัสเซียลงแข่งโดยใช้ชื่อทีมชาติรัสเซีย ใช้ธงชาติรัสเซีย หรือใช้เพลงชาติรัสเซีย ในการแข่งขันระดับนานาชาติ.-สำนักข่าวไทย