น้ำล้นตลิ่งท่วมเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี

เพชรบุรี 10 พ.ย. – สถานการณ์น้ำ จ.เพชรบุรี น้ำจากแม่น้ำเพชรบุรีล้นตลิ่งเข้าท่วมเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีในบางจุดแล้ว แม้ทางเทศบาลจะเพิ่มแนวกระสอบทรายป้องกันน้ำไว้แล้วก็ตาม โดยเฉพาะบริเวณชุมชนวัดเกาะ น้ำทยอยเอ่อล้นเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ


ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเพชรบุรีบอกว่าเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว เพราะอยู่ริมแม่น้ำก็ต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ฝนตกหนักก็เตรียมยกของขึ้นที่สูง ซึ่งคาดว่าน้ำเอ่อล้นท่วมไม่กี่วันก็คงจะลด

นายสันต์ จรเจริญ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาจังหวัดเพชรบุรี บอกว่า เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวนในช่วงการเปลี่ยนฤดู ทำให้ช่วงคืนวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีฝนตกในลุ่มน้ำทั้ง 3 จุดของเพชรบุรี คือ ลุ่มน้ำห้วยแม่ประจันต์ ลุ่มน้ำแก่งกระจาน และลุ่มน้ำห้วยผาก ทำให้มีปริมาณน้ำหน้าประตูเขื่อนเพชร 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงต้องใช้วิธีการบริหารจัดการน้ำโดยตัดลงคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำ ประมาณ 150 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ที่เหลือปล่อยลงท้ายเขื่อนเพชร คือในแม่น้ำเพชรบุรี 350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ยอมรับว่าปริมาณน้ำมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา และทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมตัวเมืองเพชรบุรี รวมถึง ต.บ้านกุ่ม ต.บ้านครก ใน อ.บ้านแหลม ด้วย (หน้า 2)


สำหรับตัวเมืองเพชร คาดว่าระดับน้ำสูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร แต่ที่ อ.บ้านแหลม อาจจะถึง 50 เซนติเมตร จนถึง 1 เมตร

ล่าสุดมีรายงานว่าเขื่อนเพชรลดการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเพชรบุรี เนื่องจากฝนด้านบนหยุดตกแล้ว ขณะที่ทาง จ.เพชรบุรี ได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะชุมชนตลาดริมน้ำ และที่พักอาศัยตลอดสองฝั่งของแม่น้ำเพชรบุรี ให้ยกของขึ้นที่สูงและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ด้านเทศบาลเมืองเพชรบุรีประกาศให้ประชาชนที่ต้องการกระสอบทรายเพื่อนำไปป้องกันน้ำเอ่อล้นเข้าร้านค้า บ้านเรือน ให้นำบัตรประจำตัวประชาชนไปแสดงเพื่อขอรับกระสอบทรายได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย


วันนี้ทางมณฑลทหารบกที่ 15 ได้นำกำลังพลไปช่วยบรรจุกระสอบทราย เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน และยังจัดชุดบรรเทาสาธารณภัยพร้อมเครื่องมือ เตรียมเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนได้ทันที

ด้านสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ ออกมาเตือนฝนตกหนักในภาคใต้ฝั่งตะวันออก ตั้งแต่ จ.เพชรบุรี ถึงนราธิวาส ต่อเนื่องถึงวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ สอดคล้องกับการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าจะมีฝนตกหนักต่อเนื่องจนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ คาดว่าปริมาณฝนจะวัดได้ 100-200 มิลลิเมตร อาจทำให้เกิดดินถล่ม น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมในพื้นที่เสี่ยง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”