กรุงเทพฯ 28 ก.ค. – นายกรัฐมนตรี รับฟังปัญหาจังหวัดสีแดงเข้ม หวังแก้ปัญหาโควิด-19 ทันท่วงที สั่งเฝ้าระวังการระบาดข้ามจังหวัด พร้อมขอให้กระจายยาฟาวิพิราเวียร์ให้ทั่วถึง ห้ามขาดแคลน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมร่วมผู้ว่าราชการจังหวัดสีแดงเข้ม 12 จังหวัด ยกเว้นกรุงเทพฯ ที่ประชุมก่อนหน้านี้ โดยเป็นการประชุมผ่านระบบ Zoom จากบ้านพัก ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) เพื่อหารือถึงแนวทางการรับมือกับการแพร่ระบาด การให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย การตั้งโรงพยาบาลสนามต่างๆ รวมทั้งการสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน
นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามถึงสถานการณ์และความพร้อมของแต่ละจังหวัด โดยเน้นย้ำให้แต่ละจังหวัดเสนอปัญหาข้อติดขัด เพื่อรัฐบาลจะแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ให้แต่ละจังหวัดเพิ่มเตียงให้เพียงพอ เฝ้าระวังการระบาดข้ามจังหวัด และให้มีส่วนภาคต่างๆ เข้าร่วมสนับสนุน
ขณะเดียวกัน จะใช้ระบบ bubble and seal ในพื้นที่โรงงานและแคมป์แรงงาน เช่น ฉะเชิงเทรา ซึ่งคลัสเตอร์โรงงานเป็นแหล่งระบาดหนัก และมีคนงานเดินทางข้ามจังหวัดมา เช่น สมุทรปราการ จึงต้องใช้มาตรการฉีดวัคซีน จัดหาที่พัก จนถึงระดับสูงสุดคือปิด 14 วัน
นายกรัฐมนตรี ยังกังวลสถานที่ตรวจของเอกชน ที่เมื่อตรวจเจอแล้วไม่ทำอะไรต่อ ดังนั้น จึงให้ไปแก้ปัญหาโดยการเพิ่มเตียงผู้ป่วยสีแดง โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวบรวมเสนอ และกระทรวงสาธารณสุข ต้องประเมินผู้ป่วยหายกลับบ้าน ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงเตียงที่จะรับผู้ป่วยใหม่ รวมถึงให้ประเมินสถานการณ์แต่ละสัปดาห์
ขณะเดียวกัน ห่วงการแพร่ระบาดในบ้านจัดสรร ให้หน่วยงานเข้าไปสำรวจด้วย และจากการประเมินทางการแพทย์ เชื่อว่า 4-6 สัปดาห์ สถานการณ์จะดีขึ้น
นายกรัฐมนตรี บอกด้วยว่า หากขาดงบประมาณ เช่น การเพิ่มเตียง อุปกรณ์การแพทย์ ให้เสนอเข้ามา พร้อมประสาน Call Center จัดทำศูนย์พักคอย ชุดตรวจหาผู้ป่วยในพื้นที่ Hospitel โรงพยาบาล
สนาม รวมถึงทำแผนกระจายวัคซีนไปยังจังหวัด เพื่อจัดสรรต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ห่วงเรื่องตลาด หากแพร่ระบาดแล้วต้องปิดตลาด จะมีมาตรการช่วยเหลืออย่างไร เพื่อให้ทำมาหากินต่อได้ รวมทั้งขอให้เร่งกระจายยาฟาวิพิราเวียร์ไปทุกจังหวัด ไม่ให้ขาดแคลน. – สำนักข่าวไทย