กทม. 16 ก.ค.- พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา เข้ารายงานตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นวันแรก หลังจากที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งทุเลาการบังคับคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีถูกคำสั่งสำรองราชการ และตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา เข้ามารายงานตัวลงบันทึกประจำวันปฏิบัติหน้าที่ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งทุเลาการบังคับคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่สั่งให้ พล.ต.อ. วิระชัย สำรองราชการ และประกาศของนายกรัฐมนตรี ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น เนื่องจากเห็นว่า ขณะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกคำสั่งสำรองราชการดังกล่าว มีสภาพร้ายแรงอันอาจทำให้การพิจารณาทางการปกครองไม่เป็นกลาง เพราะสำรองราชการนี้ ไม่ใช่กรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ที่หากปล่อยให้ล่าช้าไป จะเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ หรือสิทธิของบุคคลโดยไม่มีทางแก้ไข อีกทั้งคำสั่งดังกล่าวไม่อยู่ในข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ
จึงเห็นว่าการออกคำสั่งดังกล่าวน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีผลทำให้ประกาศของนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ พล.ต.อ.วิระชัย พ้นจากตำแหน่ง น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย จึงมีเหตุอันสมควรที่จะทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำรองราชการ และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ทั้งนี้ ผลของคำสั่งศาลปกครองกลาง ทำให้ พล.ต.อ.วิระชัย จะกลับมาดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือเทียบเท่า นับตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น ออกคำสั่งสำรองราชการ พล.ต.อ.วิระชัย
พล.ต.อ.วิระชัย ให้สัมภาษณ์หลังสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันพร้อมทำหน้าที่ในตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่วนในเรื่องของการเปิดตำแหน่งเพื่อรองรับตัวเอง เป็นหน้าที่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องไปพิจารณาในประเด็นนี้ แต่ส่วนตัวยืนยันมีความพร้อมที่จะทำงานในอีกตำแหน่งเดิมในช่วง 10 เดือนที่เหลือก่อนเกษียณอายุราชการ
พล.ต.อ.วิระชัย ยังบอกอีกว่า คดีความการฟ้องร้องเพื่อขอความเป็นธรรมในชั้นศาลอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลหลายคดี แต่ส่วนตัวแล้วไม่ผูกใจเจ็บกับการกระทำของผู้บังคับบัญชาในอดีต
สำหรับกรณีนี้ สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.วิระชัย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในตำแหน่ง สำรองราชการ ถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และถูกร้องทุกข์ดำเนินคดี กรณีถูกกล่าวหาดักฟัง เผยแพร่ข้อมูลการสนทนา ระหว่าง พล.ต.อ.วิระชัย กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้น ตั้งแต่ต้นปี 2563 จากกรณีผู้ก่อเหตุยิงรถ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ 9) และต่อมา พล.ต.อ.วิระชัย ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งสำรองราชการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี .-สำนักข่าวไทย