ศาลฯ มีคำสั่งคุ้มครอง “พล.ต.อ.วิระชัย” กลับไปดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 15 ก.ค.- ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครอง “พล.ต.อ.วิระชัย” ที่ถูกสำรองราชการ ให้กลับไปดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร. เช่นเดิม เตรียมเข้าปฏิบัติหน้าที่พรุ่งนี้ (16 ก.ค.)


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ พลตำรวจเอก วิระชัย ทรงเมตตา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในตำแหน่ง สำรองราชการ ถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และถูกร้องทุกข์ดำเนินคดี กรณีถูกกล่าวหา ดักฟัง เผยแพร่ข้อมูลการสนทนา ระหว่าง พลตำรวจเอก วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. กับ พลตำรวจ เอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. (ในขณะนั้น) เป็นเรื่องเป็นราวตั้งแต่ต้นปี 2563 จากกรณีที่ คนร้ายยิงรถ พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ9) และต่อมา พลตำรวจเอก วิระชัย ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งสำรองราชการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี

ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.ค.64 ที่ผ่านมาศาลปกครองกลางมีคำสั่ง เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย วิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ บ. 438/2563 ศาลปกครองกลาง ระหว่าง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ผู้ฟ้องคดี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคําสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายกรณีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ผู้ฟ้องคดีสำรองราชการ นั้น ต่อมาหลังจากที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น ได้ออกคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น สำรองราชการ แล้ว พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการคัดเลือกข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่ง จเรตำรวจแห่งชาติและรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เพื่อให้ความเห็นชอบดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามนัยมาตรา 51 (1) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 แทน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ซึ่งต่อมาได้ออกอากาศในรายการเนชั่นทันข่าว เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2563 ว่า เมื่อ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ได้รับคำสั่งให้สำรองราชการ แล้ว พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา จะไม่สามารถเสนอชื่อ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแทน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ได้เพราะ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ถูกสำรองราชการอยู่


ดังนั้น จากเหตุผลที่ได้วินิจฉัยมาตามลำดับ จึงเห็นว่า พฤติการณ์ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องดังกล่าวข้างต้น จึงถือว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา มีสภาพร้ายแรงอันอาจทำให้การพิจารณาทางการปกครองไม่เป็นกลาง โดยสภาพภายในตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ 2539 และกรณีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ออกคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา สำรองราชการนี้ไม่ใช่กรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากปล่อยให้ล่าช้าไปจะเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะหรือสิทธิของบุคคลโดยไม่มีทางแก้ไข การสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา สำรองราชการ จึงไม่อยู่ในข้อยกเว้นของ มาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ 2539 การที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ออกคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา สำรองราชการ ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 จึงน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีผลทำให้ประกาศของนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีลงวันที่ 31 สิงหาคม 2563 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจ (พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ผู้ฟ้องคดี) พ้นจากตำแหน่ง น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย

กรณีจึงมีเหตุอันสมควรที่จะทุเลาการบังคับตามคำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ที่สั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา สำรองราชการ และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ตามข้อ 72 วรรคสามแห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 จึงมีคำสั่งทุเลาการบังคับคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ที่สั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา สำรองราชการ และประกาศของนายกรัฐมนตรี ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่นซึ่งผลของคำสั่งศาลปกครองกลางทำให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา กลับมาดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามเดิม นับตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น ออกคำสั่งสำรองราชการ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา เสมือนว่าไม่เคยมีคำสั่งสำรองราชการ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา มาก่อนแต่อย่างใด และเสมือนว่าไม่เคยมีประกาศสำนัก นายกมนตรี ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษามาก่อนแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในพรุ่งนี้ (16 ก.ค.64) พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา จะเดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเวลา 08.30 น. และเข้าปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามเดิม.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ข่าวแห่งปี 2567 : รวมฉ้อโกง “ดารา-คนดัง” ไม่รอด

ตลอดปี 2567 ยังมีผู้คนตกเป็นเหยื่อของกลโกง มิจฉาชีพ ที่มาในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ บางคนถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว และที่น่าตกใจเริ่มมีคนดังเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีมากขึ้น

หมอชิต 2 คึกคัก ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาฉลองปีใหม่

บรรยากาศการเดินทางหมอชิต 2 คึกคัก ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในช่วงหยุดยาวปีใหม่ ด้าน รฟท. คาดผู้โดยสารเดินทางขาออกวันนี้ 1 แสนคน

รถเริ่มแน่น! สายเหนือ-อีสาน การจราจรชะลอตัว

ประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา หยุดยาวปีใหม่ ถ.พหลโยธิน มุ่งหน้าสายอีสาน รถแน่น ส่วนถนนสายเอเชีย ขึ้นเหนือ รถเคลื่อนตัวได้ช้า