จับตาประชุม ศบค. ชุดใหญ่ยกระดับสกัดโควิด-19

กรุงเทพฯ 9 ก.ค.-จับตาการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เวลา 10.00 น. ที่คาดว่าจะมีการเคาะมาตรการคุมเข้มสกัดเชื้อโควิด-19


วันนี้ (9 ก.ค.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ผ่านระบบ Video Conference โดยวาระที่ต้องจับตา คือ การยกระดับมาตรการคุมเข้มสถานการณ์โควิด-19 หลังจากที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเมื่อวานนี้ (8 ก.ค.) ทะลุ 7,000 คน เสียชีวิต 75 ราย

โดยเมื่อวานนี้ (8 ก.ค.) กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ ยกระดับมาตรการคุมเข้ม ไม่ใช่การ “ล็อกดาวน์” เน้นเฉพาะจำกัดการเดินทางข้ามจังหวัด ปิดสถานที่ไม่จำเป็นในพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่กันชน เป็นเวลา 14 วัน โดยรายละเอียดข้อเสนอที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอต่อที่ประชุม ศบค. เพื่อใช้สำหรับพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่กันชน (กรุงเทพมหานครและปริมณฑล) เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ประกอบด้วย


  • Work from Home 100% ยกเว้นงานบริการที่จำเป็นและงานที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค
  • ขอให้ประชาชนงดการเดินทางโดยไม่จำเป็น ยกเว้นซื้ออาหาร ไปโรงพยาบาล และฉีดวัคซีน
  • ปิดหรือลดเวลาเปิดสถานที่ชุมชน/สถานที่เสี่ยงเพิ่มเติม เช่น ลดเวลาเปิด-ปิดร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้า ยกเว้นส่วนของร้านอุปกรณ์อุปโภคบริโภค เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต
  • ลดการรวมกลุ่มกันทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เช่น งดจัดประชุม จัดสอบ หรือกลับเข้าสถานศึกษา
  • งดการเดินทางข้ามจังหวัด
  • ปรับแผนการกระจายวัคซีนไปต่างจังหวัด และระดมการฉีดวัคซีนที่มีอยู่ให้กลุ่มผู้สูงอายุและโรคเรื้อรังใน กทม. และปริมณฑล
  • จัดช่องทางด่วนในการตรวจรักษากลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว และโรคเรื้อรัง
  • ให้ประชาชนทุกคนเน้นมาตรการป้องกันส่วนบุคคล การสวมหน้ากากอนามัย งดการคลุกคลีใกล้ชิดกัน หรือรับประทานอาหารร่วมกัน ทั้งในที่บ้าน สถานที่ทำงาน
  • เน้นย้ำทุกหน่วยงานและผู้ประกอบการ เรื่องมาตรการป้องกันส่วนบุคคลในสถานประกอบการและสถานที่ทำงาน

ด้านปลัดกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า การเสนอระยะเวลา 14 วัน เพื่อให้สอดคล้องกับระยะฟักเชื้อ หลังจากวันนี้พบตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสูงกว่า 7,000 คน และเสียชีวิตสูงสุดถึง 75 คน อีกทั้งมีแนวโน้มผู้ป่วยในไอซียูมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเสนอเช่นนี้ยืนยันไม่ใช่การล็อกดาวน์ แต่เป็นการจำกัดการเดินทาง พร้อมปิดสถานที่ที่ไม่จำเป็น

ขณะที่นายกฯ โพสต์ Facebook ว่า มาตรการที่ออกจะต้องพิจารณาอย่างรัดกุม และยืนยันว่าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องด้วยความไม่สบายใจ พร้อมขอความร่วมมือทุกคนป้องกันและดูแลตัวเอง และเปรียบเสมือนการทำสงครามกับเชื้อไวรัสครั้งนี้ สิ่งที่จะทำให้ชนะได้ คือ ความสามัคคี มีวินัย และการช่วยเหลือของคนในชาติ

ย้อนกลับไปดูข้อมูลผู้ติดเชื้อเมื่อวาน (8 ก.ค.) พบว่ามีผู้ติดเชื้อใหม่ 7,058 คน โดยเป็นการติดเชื้อใหม่ 6,990 คน จากเรือนจำหรือที่ต้องขัง 68 คน รวมยอดผู้ป่วยสะสม 308,230 คน ส่วนผู้เสียชีวิตเป็นนิวไฮอีกครั้งเพิ่มอีก 75 คน ยอดเสียชีวิตรวม 2,462 คน นอกจากนี้พบว่ามีผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวอยู่มากถึง 69,619 คน และในจำนวนนี้อาการหนัก 2,564 คน โดยใส่เครื่องช่วยหายใจมากถึง 698 คน


ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมา จังหวัดตากออกคำสั่งคุมเข้มสถานการณ์ “โควิด-19” หลังพบการแพร่ระบาดจำนวนมาก โดยห้ามชาวต่างด้าวออกนอกเคหสถาน 20.00-04.00 น. ส่วนคนไทยขอความร่วมมือห้ามออกนอกเคหสถาน 23.00-04.00 น. เริ่มตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ส่วนร้านอาหาร-เครื่องดื่มให้เปิดกินในร้านไม่เกิน 20.00 น. หลังจากนั้นต้องซื้อกลับ และห้ามดื่มสุราในร้าน รวมถึงมาตรการที่เข้มข้นอื่นๆ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง (Meteor Garden) ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบที่เป็นอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เริ่มเข้าวงการในฐานะศิลปินคู่กับเสี่ยวเอสในชื่อวง เอสโอเอส  “S.O.S” เมื่อปี 2537 เธอมีลูก 2 คนกับอดีตสามี […]

“เต้ มงคลกิตติ์” หอบกล้องวงจรปิด 34 จุดคดี “แตงโม” มอบดีเอสไอ

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อมอบหลักฐานและให้ข้อมูลดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568

“อนุทิน” ยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวค่าสลาก

“อนุทิน” บอกยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวเงินค่าสลาก ชี้หากจริง ผู้ว่าฯ เหนื่อยแน่

ข่าวแนะนำ

ระงับจ่ายไฟ

“ภูมิธรรม” สั่งระงับจ่ายไฟฟ้าชายแดน ยันไม่ต้องเข้า ครม.

“ภูมิธรรม” ใช้อำนาจรองนายกฯ ความมั่นคง สั่งระงับจ่ายไฟฟ้าชายแดน ยันทำได้ทันทีไม่ต้องเข้า ครม. พร้อมเปิดระเบียบ กฟภ.สั่งตัดไฟฟ้าเองได้ หากพบกระทบความมั่นคง ลั่นหากหน่วยไหนไม่ทำตาม จะดึงตัวมาช่วยราชการ ชี้ไม่ใช่แม่พระใจดี ที่จะนิ่งเฉยได้ หากเมียนมาไม่ดำเนินการภายใน ก็ต้องรับผลกระทบ

บ่อนนครนายก

ทลายบ่อนกลางทุ่งนานครนายก รวบนักพนันกว่า 200 คน

ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ร่วมกับ ชุดปฎิบัติพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดนครนายก เปิดปฏิบัติการหักเหลี่ยมเจ้าพ่อ บุกทลายบ่อนการพนันกลางทุ่งนาในพื้นที่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก จับกุมนักพนันกว่า 200 คน

“อนุทิน” ลั่นมหาดไทยพร้อมสับสวิตช์ หาก สมช.สั่งหยุดจ่ายไฟ

“อนุทิน” ลั่นมหาดไทยพร้อมสับสวิตช์ หาก สมช. สั่งหยุดจ่ายไฟ ชี้หากเพื่อนบ้านทำผิดกระทบความมั่นคง เตรียมหาแหล่งพลังงานใหม่ มอง กฟภ. ทำเกินหน้าที่ร่วมลงพื้นที่ บอกเป็นหน่วยงานรับปฏิบัติ

นายกฯ​ เปิดงาน Amazing Thailand Grand Tourismand Sports Year 2025

นายกฯ​ ขอการท่องเที่ยวปีนี้ปังๆ ร่วมเปิดงาน Amazing Thailand Grand Tourismand Sports Year 2025 ย้ำรัฐบาลหวังจีดีพีเติบโตจากการท่องเที่ยว มอบผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด จัดกิจกรรมดึงนักท่องเที่ยวทั้งปี ปลุกคนไทยช่วยแชร์ข่าวจริง หลังถูกบิดเบือน​ “สรวงศ์” ตั้งเป้าการท่องเที่ยว 35 ล้านคน