นนทบุรี 4 ก.ค.- แม่เด็ก ม.4 กุเรื่องลูกชายคิดสั้น เรื่อง “เเท็บเล็ต” ล่าสุดโทรศัพท์รับสารภาพเเล้ว ด้านครูทรายหอบหลักฐานเเจ้งความยันไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องหลอกลวงนี้
จากกรณี น.ส.อิสรีย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี หรือ ครูทราย ครูสอนทำเบเกอรี่ และแอดมินกลุ่มเบเกอรี่โซไซตี้ นำเรื่องราวที่แม่เด็กนักเรียนชั้น ม.4 รายหนึ่ง ส่งข้อความมาขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับแท็บเล็ตที่ลูกชายต้องใช้ในการเรียนออนไลน์เนื่องจากฐานะยากจน โดยให้ครูทรายช่วยดำเนินการซื้อแท็บเล็ตส่งให้ก่อน จากนั้นแม่ของเด็กชายรายนี้จะทยอยผ่อนส่งค่างวดแท็บเล็ตให้กับครูทราย พร้อมกับโอนเงินมัดจำมาให้ครูทราย 1,300 บาท แต่สุดท้ายช่วงค่ำแม่เด็กนักเรียนรายนี้แจ้งครูทรายว่า ลูกชายที่รอแท็บเล็ตอยู่ได้คิดสั้นไปแล้ว สร้างความสะเทือนใจให้กับครูทรายเป็นอย่างมาก จนนำเรื่องราวดังกล่าวไปโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว
แต่ต่อมาครูทรายต้องช็อกเป็นครั้งที่ 2 เมื่อตรวจสอบเรื่องราวจากแม่เด็กนักเรียนรายนี้อย่างละเอียดแล้วพบว่าเป็นเพียงเรื่องที่กุขึ้นมาเพื่อหวังเอาเงินมัดจำที่จองแท็บเล็ตคืนเท่านั้น ทำให้เมื่อทราบความจริงแล้ว จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องหลอกลวงที่แม่เด็กนักเรียนคนดังกล่าว
เมื่อวานนี้ (3 ก.ค.) น.ส.อิสรีย์ และ น.ส.พรทิพย์ อายุ 44 ปี เพื่อนครูสอนทำเบเกอรี่ เดินทางมาที่ สภ.ไทรน้อย เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดย น.ส.อิสรีย์ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องเดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อป้องกันตัวเองจากผลกระทบในเรื่องนี้ เนื่องจากหลังตนรับฟังเรื่องราวของแม่เด็กนักเรียนรายนี้แล้ว ก็รู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมากจนช็อก เสียใจร้องไห้ไม่หยุด จากนั้นจึงตัดสินใจโพสต์เรื่องราวดังกล่าวลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว
น.ส.อิสรีย์ กล่าวเรื่องราวที่ดูน่าสลดใจก็ถูกแชร์ออกไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเริ่มสงสัยบางอย่าง จึงพยายามติดต่อกลับไปหาแม่เด็กนักเรียนรายนี้ แต่ไม่สามารถติดต่อได้จึงให้ น.ส.พรทิพย์ซึ่งเป็นเพื่อนครูด้วยกันติดต่อกลับไปหาแม่เด็กนักเรียนคนดังกล่าว แล้วเกลี้ยกล่อมจนได้รู้ความจริงจากแม่ของเด็กนักเรียนรายนี้ว่า กุเรื่องลูกชายคิดสั้นขึ้นมา เพราะต้องการเงินค่ามัดจำแท็บเล็ตคืนจากตน จำนวน 1,300 บาท
หลังจากติดต่อตนมาแล้วว่าจะให้ตนช่วยซื้อแท็บเล็ตให้ก่อนแล้วจะผ่อนชำระให้ทีหลัง เพื่อให้ลูกชายใช้เป็นอุปกรณ์ในการเรียนออนไลน์ แต่แม่ของเด็กคนนี้กลับถูกลูกชายต่อว่ามาว่า เขาต้องการไอแพดไม่ใช่แท็บเล็ต จึงคิดหาวิธีจะขอเงินมัดจำคืนจากตน แต่ไม่รู้จะใช้วิธีไหนดี จึงกุเรื่องบอกตนไปแบบนั้นว่าลูกชายคิดสั้นแล้วเพื่อต้องการได้เงินมัดจำคืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่ น.ส.อิสรีย์กำลังให้สัมภาษณ์อยู่นั้น แม่ของเด็กนักเรียนคนดังกล่าวได้โทรศัพท์เข้ามาหา น.ส.อิสรีย์พอดี น.ส.อิสรีย์จึงเปิดเสียงโทรศัพท์ให้ผู้สื่อข่าวฟังเสียงคำรับสารภาพจากแม่เด็กคนดังกล่าว ที่ยอมรับผิดด้วยเสียงสะอื้น โดยเบื้องต้น น.ส.อิสรีย์ได้นำข้อความที่แม่เด็กนักเรียนรายนี้ส่งข้อความมาขอความช่วยเหลือ รวมทั้งเรื่องที่กุว่าลูกชายคิดสั้นและเสียงบันทึกที่แม่เด็กนักเรียนรับสารภาพกับครูกบมาลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อแสดงเจตนาว่าถูกแม่เด็กรายนี้กุเรื่องมาหลอก ไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องโกหกนี้เผยแพร่ในโซเซียลมีเดีย เพราะเกรงว่าอาจจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในข้อหานำข้อมูลอันเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ด้าน พ.ต.อ.วิทยา บวรศิขริน ผกก.สภ.ไทรน้อย กล่าวว่า เรื่องของน.ส.อิสรีย์ถือว่าไม่ได้มีเจตนากระทำผิดหรือนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เพราะน.ส.อิสรีย์ไม่ได้มีเจตนาหรือรู้เห็นเป็นใจกับแม่เด็กนักเรียนคนดังกล่าว และน.ส.อิสรีย์เองก็ไม่ติดใจเอาความกับแม่เด็กนักเรียนเพียงแต่ประสงค์จะลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้นว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องโกหกดังกล่าว ซึ่งตนจะได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกแม่เด็กนักเรียนรายนี้มาสอบปากคำ และว่ากล่าวตักเตือน ไม่ให้ไปก่อเรื่องหรือกระทำในลักษณะนี้อีก
พ.ต.อ.วิทยา บาวรศิขริน ผกก.สภ.ไทรน้อย กล่าวว่า ถ้าครูทรายเอาเรื่องทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายเรียก ส่วนครูทรายไม่มีเจตนาไม่มีความผิดในเรื่องนี้ เพราะมีเจตนาบริสุทธิ์ หากครูทรายต้องการเอาเรื่องก็จะออกหมายเรียกให้มาพบตำรวจ ต้องสอบสวนว่ามีความผิดอะไรบ้างตอนนี้เป็นแค่ถ้อยคำที่โกหก ให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานก่อนถ้าเข้าข้อกล่าวหาจะเรียกมาสอบเพิ่มเพื่อเคลียร์เรื่องนี้ให้จบ สังคมจะได้เข้าใจ
ขณะที่ครูทรายเอง กล่าวเพิ่มเติมว่าส่วนตัวไม่ขอเอาเรื่องเพราะสงสารเขาเหมือนกัน แค่นี้เขาก็บอบช้ำพอแล้ว ที่ตนมาแจ้งความก็เพราะเกรงว่าจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.หรือไม่ เมื่อทราบข้อเท็จจริงจากทาง พ.ต.อ.วิทยา บวรศิขริน ผกก.ไทรน้อย แล้วตนก็เบาใจ แต่ไม่ขอเอาเรื่องเขา เพราะเขาก็แย่แล้วกับเรื่องที่เกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย