กระบี่ 19 มิ.ย. – เทศบาลตำบลห้วยน้ำขาว จ.กระบี่ ประกาศปิดน้ำพุร้อนเค็มคลองท่อมชั่วคราว หลังพบไทม์ไลน์ผู้ที่เดินทางมาจาก จ.ยะลา ติดโควิด 4 ราย มาเที่ยวน้ำพุร้อนเค็ม ขณะที่นักเรียนฮาฟิซมัรกัสยะลาที่เดินทางกลับบ้านที่ จ.กระบี่ พบติดเชื้อแล้ว 15 ราย คาดเป็นสายพันธุ์แอฟริกา ด้าน สสจ.กระบี่ เร่งส่งตัวอย่างตรวจหาสายพันธุ์แล้ว
เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ปิดทางเข้า-ออก น้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม หมู่ 8 อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เป็นการชั่วคราว ห้ามนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ ตั้งแต่วันนี้ (19 มิ.ย.64) เป็นต้นไป พร้อมเร่งทำความสะอาด ฆ่าเชื้อจุดสัมผัสใช้บริการภายในบริเวณบ่อน้ำพุร้อนเค็ม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังพบผู้ติดเชื้อ จำนวน 4 ราย เป็นบุคคลที่เดินทางจาก จ.ยะลา มาเช่าบ้านพักอาศัยในพื้นที่หมู่ 8 ต.ห้วยน้ำขาว และพบไทม์ไลน์เดินทางเข้าไปเที่ยวน้ำพุร้อนเค็ม เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อสะสมใน จ.กระบี่ เพิ่มเป็น 340 ราย
นพ.สมบูรณ์ บุญกิตติชัยพันธ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า ขณะนี้พบ จ.กระบี่ มีกลุ่มผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์มัรกัสยะลา จำนวน 19 ราย เป็นบุคคลที่มีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงบริเวณใกล้มัรกัสยะลา 4 ราย และเป็นเด็กนักเรียนฮาฟิซ 15 ราย มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกว่า 50 ราย ซึ่งในส่วนของเด็กนักเรียนนั้นอาจจะเป็นเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้การฉีดวัคซีนมีผลในการป้องกันเชื้อลดลง ขณะนี้ได้ส่งตัวอย่างเชื้อไปตรวจหาสายพันธุ์แล้ว คาดว่าใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะทราบผล
ขณะที่ พ.ต.ท.ม.ล.กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มีหนังสือแจ้งด่วนไปยังทุกอำเภอ เร่งขยายผลหากลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง (High risk Contact) ให้หมดโดยเร็ว แล้วนำมากักตัว ณ สถานที่ที่กำหนด รวมทั้งให้มีการสำรวจบุคคลที่เดินทางมาจาก จ.ยะลา ที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านต่างๆ หลังพบบุคคลที่เดินทางมาจาก จ.ยะลา เข้ามาอยู่ในพื้นที่ อ.คลองท่อม ติดเชื้อแล้ว 4 ราย
ทั้งนี้ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่า ผู้ป่วยจากโรงเรียนมัรกัสยะลา จ.ยะลา ที่พบใน จ.ภูเก็ต ตรวจพบว่าเป็นสายพันธุ์แอฟริกา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก และอาจขยายเวลาการกักตัวเป็น 21 วัน พร้อมได้กำชับไปยังนายอำเภอ และสั่งการไปยังกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน เร่งตรวจสอบแล้วรายงานให้อำเภอทราบภายในวันนี้ ก่อนเวลา 16.00 น. ทั้งนี้ หากตรวจพบว่าหมู่บ้านใดมีบุคคลที่เดินทางมาจาก จ.ยะลา และเข้ามาอยู่ในพื้นที่หมู่บ้าน แล้วไม่รายงานให้อำเภอทราบ ถือว่าเป็นความบกพร่องของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหากมีการแพร่เชื้อในพื้นที่ จะมีการดำเนินการทางวินัยต่อไป. – สำนักข่าวไทย