อุบลราชธานี 20 พ.ค.- แรงงานไทยในอิสราเอลครวญอยากกลับบ้าน หลังมีเหตุปะทะรุนแรง ส่วนผู้บาดเจ็บพ้นขีดอันตราย
ความคืบหน้าแรงงานไทยในอิสราเอล ผู้สื่อข่าวไปสอบถามญาติของแรงงาน และได้วิดีโอคอลคุยกันคือนายวิชิต สาลีหอม อายุ 35 ปี เป็นชาวอำเภอตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ตอนนี้ทำงานเก็บพืชผลอยู่ในนิคมเกษตรกรรมในเมืองเอชโคล อิสราเอล สอบถามความเป็นอยู่ หลังแคมป์คนงานในนิคมเกษตรกรรม ถูกโจมตีด้วยจรวดจนมีแรงงานไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บ ระหว่างพูดคุยนายวิชิต เล่าว่า ยังมีแนวโน้มความรุนแรงจากการปะทะระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ซึ่งผู้ดูแลนิคมเกษตรกรรม เตือนหากได้ยินสัญญาณเตือนต้องรีบหมอบ หรือหลบเข้าบังเกอร์ ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะนิคมตั้งอยู่ใกล้ฉนวนกาซาจุดปะทะ จึงอยากกลับประเทศไทย ตัวเองก็เพิ่งจะมีลูกอ่อนด้วย
อย่างไรก็ตาม ได้ไปลงทะเบียนไว้แล้ว แต่ต้องรอคิวกลับ เพราะยังติดเรื่องเอกสารเดินทางและต้องรอเครื่องบิน ซึ่งสัปดาห์ 1 มีเพียง 2 เที่ยว ก็อยากให้ทางการไทยช่วยให้เดินทางกลับได้เร็วขึ้น เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย
ส่วนอาการล่าสุดของนายอัตรชัย ธรรมแก้ว อายุ 28 ปี แรงงานไทย ซึ่งได้รับบาดเจ็บ หลังเข้ารับการผ่าตัดเอาสะเก็ดระเบิดออกเป็นครั้งที่ 2 เมื่อเวลา 01.30 (20 พ.ค.) อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว
ร้องช่วยครอบครัวแรงงานที่เสียชีวิตในอิสราเอล
ที่บุรีรัมย์ ญาติของนายสิขรินทร์ สงำรัมย์ อายุ 23 ปี หนึ่งในแรงงานไทยชาว อ.ลำปลายมาศ ที่ถูกสะเก็ดระเบิดเสียชีวิตจากเหตุสู้รบ ซึ่งครอบครัวยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากให้หน่วยงานรัฐช่วยนำศพกลับมาประกอบพิธีที่บ้านเกิด และเยียวยาช่วยเหลือ ซึ่งผู้ตายถือเป็นเสาหลัก ทั้งภาระหนี้สิน และต้องส่งเสียลูก 2 คนอายุเพียง 2 และ 4 ขวบเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมชี้แจงสิทธิประโยชน์ต่างๆ อาทิ เงินช่วยเหลือจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนไปทำงานต่างประเทศจำนวน 40,000 บาท ค่าทำศพ 50,000 บาท และเงินจากกองทุนผู้ประสบภัยสงครามของทางประเทศอิสราเอลเป็นรายเดือนอีกด้วย โดยรับปากจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด.-สำนักข่าวไทย