“พริษฐ์” หวังเลขาสภาฯ นำข้อทักท้วงเข้าที่ประชุมผู้บริหาร

รัฐสภา 8 พ.ค.-“พริษฐ์” หวังเลขาสภาฯ นำข้อทักท้วง กมธ. และเสียงวิจารณ์ประชาชนเข้าที่ประชุมผู้บริหาร ออกมติว่าจะยุติโครงการใดบ้าง ชี้จะให้ กมธ.งบประมาณฯ ตัดเองไม่ได้ หวั่นหน่วยงานเสนองบไม่สมเหตุสมผลมาอีกในอนาคต

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง สื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวสรุปผลการประชุมกรรมาธิการนว่าด้วยการตรวจสอบงบประมาณของรัฐสภา 15 โครงการที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงหรือเติมแต่งอาคาร ซึ่งได้ทำคำขอไปในงบประมาณปี 2569


นายพริษฐ์ระบุว่า กรรมาธิการยึด 3 หลักด้วยกันคือ การตรวจสอบงบประมาณไม่ใช่แค่ว่าการจัดสรรงบประมาณชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ต้องตรวจสอบความเหมาะสมด้วย ถึงแม้งบประมาณบางส่วน จะเป็นไปตามระเบียบ แต่เราจำเป็นต้องตั้งคำถามว่า ภายใต้ทรัพยากรที่จำกัด การจัดสรรงบประมาณจัดลำดับความสำคัญอย่างเหมาะสมหรือไม่ในการแก้ปัญหาให้ประชาชน

หลักที่ 2 คือการจัดการงบประมาณปี 2569 เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ จึงควรประหยัดงบประมาณในส่วนที่ฟุ่มเฟือยหรือไม่จำเป็น และ หลักที่ 3 บ่อยครั้งงบประมาณถูกอ้างว่าเพื่อภาพลักษณ์ของรัฐสภาแต่ภาพลักษณ์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความยิ่งใหญ่ของอาคาร แต่ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการทำหน้าที่แก้ไขกฎหมายและเป็นตัวแทนแก้ไขปัญหาให้ประชาชน


นายพริษฐ์กล่าวต่อไปว่า จากการซักถามหน่วยงานยาวนานเกือบ 4 ชั่วโมง เห็นว่ามีขั้นตอนต่อไป คือ การตั้งข้อสังเกตในภาพรวม เพราะตอนนี้มีหลายปัญหาที่เห็นรายโครงการ สืบเนื่องมาจากแผนดั้งเดิมของอาคารรัฐสภามีปัญหา ทางหน่วยงานยืนยันว่าแม้หลายโครงการจะเป็นการแก้ไขปรับปรุงบางส่วน แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะแผนดั้งเดิมไม่ได้ครอบคลุมองค์ประกอบดังกล่าวตั้งแต่ต้น เราจึงต้องการเรียกเอกสารเพื่อตรวจสอบแผนดั้งเดิมโดยละเอียดว่าแผนดังกล่าวผ่านมาได้อย่างไร

นอกจากนี้ ที่มาของ 15 โครงการ เมื่อรับฟังจากตัวแทนที่มาชี้แจงเบื้องต้น มีโครงการบางส่วนที่ถูกชงขึ้นมาจากหน่วยงานราชการ แต่บางส่วนก็ถูกชงขึ้นมาจากคณะกรรมการพิเศษ ที่มีคำถามว่าอาจจะถูกตั้งโดยฝ่ายการเมือง

สำหรับโครงการอาคารจอดรถเพิ่มเติมที่พบข้อพิรุธค่อนข้างมาก มีคำของบประมาณเป็นงบผูกพัน 3 ปี รวมกัน 4,600 กว่าล้านบาท แม้จะยังไม่ได้รับอนุมัติจากสำนักงบประมาณ แต่มีข้อกังวล เช่น แผนดั้งเดิมของอาคารจอดรถที่มีอยู่อาจขัดกับข้อบัญญัติ กทม. ที่กำหนดไว้ว่าอาคารแต่ละประเภท เมื่อคำนวณจากพื้นที่ตารางเมตร ต้องมีที่จอดรถทั้งหมดกี่ที่ ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วจะออกมาได้ 3,500 คัน แต่แผนดั้งเดิมออกแบบไว้ให้มีที่จอดรถเพียง 2,000 คันเท่านั้น


“คำถามที่ตามมาคือ เมื่อขัดกับข้อบัญญัติของ กทม. แล้วใครจะรับผิดชอบ ผมเห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะบอกว่าต้องเพิ่มจำนวนที่จอดรถให้สอดคล้องกับกฎหมาย แต่ต้องมารับผิดชอบโดยภาษีของพี่น้องประชาชน” นายพริษฐ์กล่าว

พริษฐ์ตั้งข้อสังเกตอีกว่า คณะกรรมการพิเศษที่ถูกตั้งขึ้นมา และเป็นผู้ชงเรื่องการสร้างอาคารที่จอดรถเพิ่มเติม เสนอให้เพิ่มที่จอดรถเพิ่มจากเดิมอีก 4,600 ที่ รวมเป็น 6,500 ที่ เราต้องการตรวจสอบว่าใช้สูตรคำนวณใดให้ได้ตัวเลข 4,600 ที่ออกมา ดูไม่สมเหตุสมผลกับจำนวนของผู้ที่เข้าใช้บริการรัฐสภาพร้อมกันในวันเดียว เหมือนเป็นการตั้งสมมติฐานที่สูงเกินไป นอกจากนี้ ต้องตรวจสอบว่าใช้สูตรคำนวณใดจึงต้องใช้งบประมาณสร้างอาคารจอดรถถึง 4,600 ล้านบาท

ทั้งนี้ หน่วยงานรัฐสภากำลังเปิดประมูลบริษัทมาออกแบบอาคารจอดรถด้วยงบประมาณ 10,000 5 ล้านบาท แต่ไม่ได้ตั้งประมาณไว้ไม่ปี 2568 แต่นำงบประมาณที่เหลืออยู่จากปี 2567 โอนมาใช้ในส่วนนี้ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าไม่เคยมีการโอนงบประมาณในลักษณะนี้มาก่อน ถึงแม้จะมีระเบียบของรัฐสภารองรับ แต่มีความจำเป็นอย่างไรที่ต้องใช้งบประมาณมากขนาดนี้ในการว่าจ้างบริษัทมาออกแบบอาคาร

โดยมีบริษัทเสนอราคาเข้ามา 3 แห่ง แต่บริษัทที่ชนะยังไม่ได้มีการเซ็นสัญญา เพราะบริษัทอื่นที่ไม่ได้รับคัดเลือก ได้ทำเรื่องอุทธรณ์เข้ามา จึงต้องตรวจสอบต่อไปว่ามีข้อบกพร่องอย่างไร และเวลานี้ยังทันอยู่ที่จะยับยั้งการเซ็นสัญญานี้

สำหรับโครงการโรงภาพยนตร์ 4D ที่ได้รับการอนุมัติไปแล้ว 180 ล้านบาท ข้อสังเกตคือหน่วยงานไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดที่ทำให้รู้สึกว่าโครงการนี้มีความคุ้มค่า มีเหตุจำเป็นใดในการทำระบบภาพยนตร์ 4D เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการต้อนรับประชาชนที่มาเยี่ยมชมรัฐสภา และเนื้อหาอะไรที่ต้องใช้ระบบ 4D เท่านั้น แล้วจะทำให้ประชาชนหรือนักศึกษาอยากมาเยี่ยมรัฐสภาเพิ่มขึ้นอีกกี่คน หน่วยงานก็ตอบไม่ได้ ทำให้เห็นว่าโครงการนี้ไม่ได้ถูกคิดขึ้นมาอย่างละเอียด ส่วนโครงการศาลาแก้ว 123 ล้านบาท ก็ทำนองเดียวกันที่คำตอบวันนี้ไม่ได้ทำให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วน ห้องประชุมงบประมาณ

สำหรับขั้นตอนต่อไป นายพริษฐ์ ระบุว่า หวังให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรนำข้อสังเกตของกรรมาธิการและเสียงทักท้วงของประชาชนเข้าสู่ที่ประชุมผู้บริหาร ซึ่งมีประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรร่วมด้วย ในวันที่ 13 พฤษภาคมนี้ และขอให้ที่ประชุมมีมติออกมาอย่างลายลักษณ์อักษร ว่าหลังจากข้อทักท้วงของคณะกรรมาธิการและประชาชนแล้ว จะยุติการเดินหน้าโครงการใด

“เพราะไม่เพียงพอที่จะอ้างว่า ให้คณะกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณฯ ไปตัดงบประมาณเอาเอง ซึ่งจะเป็นการสร้างมาตรฐานให้ในอนาคต หน่วยงานสามารถเสนอโครงการที่ไม่สมเหตุสมผลเข้ามาได้ เพื่อให้ สส. ปรับลดเอง เป็นสิ่งสำคัญเมื่อได้ยินเสียงของประชาชน และถูกตั้งข้อสังเกตจากคณะกรรมาธิการแล้ว ที่ประชุมผู้บริหารควรมีมติที่จะทบทวนและยุติโครงการใด” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ระบุว่า คำยืนยันของที่ประชุมผู้บริหารนั้น จะทำให้กรรมาธิการวิสามัญงบประมาณฯ ตัดงบประมาณดังกล่าวได้ง่ายขึ้น และสามารถป้องกันความเสี่ยงในอนาคตที่ถึงแม้จะถูกตัดงบประมาณออกไปแล้ว แต่ผู้บริหารงานจะใช้วิธีโอนงบประมาณส่วนอื่นกลับมารื้อฟื้นโครงการดังกล่าว แม้ไม่อยู่ในเอกสารงบประมาณ รวมถึงคำยืนยันจากที่ประชุมผู้บริหาร ยังมีโอกาสเรียกคืนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อผู้บริหารรัฐสภาแห่งนี้ได้.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ทบ.ติดแฮชแท็กเซฟ มทภ.2

กทม. 18 มิ.ย.- ทบ.ติดแฮชแท็กเซฟ มทภ.2 ส่วนหน้าสโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต ขึ้นข้อความให้กำลังใจผ่านจอแอลอีดี ขณะที่เพจโซเชียลกองทัพ แห่โพสต์ข้อความ #ศักดิ์ศรีของทหาร 18 มิ.ย.68 ภายหลังจากที่มีคลิปเสียงการพูดคุยระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลุดออกมา และมีการพูดถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าอยู่ฝั่งตรงข้าม ล่าสุดเพจเฟซบุ๊กของหน่วยทหารต่างๆ อาทิ กรมกิจการพลเรือนทหารบก ได้โพสต์ข้อความว่า พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เรื่อง #ศักดิ์ศรีของทหาร 1. ทหาร คือ ผู้ที่ได้รับเกียรติอย่างสูงจากประชาชนทั้งชาติ ให้เป็นสุภาพบุรุษ ถืออาวุธเพื่อป้องกันประเทศ 2. ทหาร เป็นผู้เสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว เพื่อความผาสุกของประชาชนและความอยู่รอดของชาติ 3. ทหาร คือ ผู้ที่รักและบูชาเกียรติยศมากกว่าเงิน นอกจากนี้ เพจ Smart Soldiers Strong […]

“อนุทิน” บอก “จบแล้วครับนาย” ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู

กทม. 18 มิ.ย.-“อนุทิน” สั่ง จนท.ขนของออกจากกระทรวง บอก “จบแล้วครับนาย” ไม่ต้องคุยนายกฯ หลัง “หมอมิ้ง” ยื่นไพ่ใบสุดท้าย ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู เตรียมซ้อมกับ “ไอซ์ รักชนก” เวลา 13.35 น. วันที่ 18 มิ.ย.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังนายกฯ ระบุว่ายังไม่แจ้งเงื่อนไขการปรับ ครม. ว่า ตนยังไม่ได้ยิน ซึ่งเมื่อวานนี้ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ซึ่งเราก็บอกท่าทีเราไปแล้ว เมื่อถามว่า การขนของออกจากห้องทำงาน ถือเป็นการปิดประตูเจรจาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ ชัดเจนแล้วว่า เราคงไม่ได้เปลี่ยนอะไร และ นพ.พรหมินทร์ ได้ย้ำเงื่อนไขของพรรคเพื่อไทยว่าเป็นแบบนี้ เมื่อถามต่อว่า ต้องคุยกับนายกฯ อีกครั้งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คุยกับนายกฯ และเมื่อวาน […]

“ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงฉบับเต็ม 17 นาที

กัมพูชา 18 มิ.ย. – “ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงคุย “แพทองธาร” ฉบับเต็ม 17 นาที เผยบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส ส่งต่อให้บุคคลอื่นราว 80 คน เว็บไซต์ขแมร์ ไทม์ส รายงานว่า “นายฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชาเปิดเผยผ่านสื่อโซเชียล มีเนื้อหาระบุว่า “เมื่อเย็นวันที่ 15 มิถุนายน ผมได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นเวลา 17 นาที 6 วินาที โดยมีนายเคลียง ฮวต รองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ ทำหน้าที่ล่ามแปลภาษา ซึ่งตามปกติแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือตีความหมายผิดในเรื่องที่เป็นทางการ จึงจำเป็นต้องทำการบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ภายในของกัมพูชาด้วย และจากนั้นเป็นต้นมา ตนเอง ก็ได้แชร์เทปเสียงสนทนานี้ให้กับบุคคลอื่นๆ ราว 80 คน ที่รวมถึงสมาชิกคณะกรรมการถาวรของพรรค คณะทำงานวุฒิสภา หน่วยงานเฉพาะกิจด้านการต่างประเทศ หน่วยงานด้านการศึกษาและการเข้าถึงกลุ่มกิจการชายแดน และสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งในจำนวนคนเหล่านี้อาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีบางคนที่ไม่พอใจนายกรัฐมนตรีของไทย ฮุน เซนโพสต์ต่อว่า “แต่หลังจากการสนทนาผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ผู้นำไทยกลับออกมากล่าวหาผู้นำกัมพูชาอย่างเปิดเผยว่าทำงานการเมืองอย่างไม่เป็นมืออาชีพ และขับเคลื่อนประเด็นทางการเมืองผ่านทางเฟซบุ๊ก […]

ข่าวแนะนำ

รองเลขาธิการนายกฯ แจ้งความดำเนินคดี “ฮุนเซน”

กทม. 20 มิ.ย.-“สมคิด” รองเลขาธิการนายกฯ เข้าแจ้งความตำรวจไซเบอร์ ดำเนินคดี “ฮุนเซน” กรณีคลิปเสียงหลุด ยันไม่ได้แก้เกี้ยวให้ “แพทองธาร” ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสมเด็จฮุนเซน กรณีคลิปเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ความยาว 17.6 วินาที ที่หลุดออกมาจากฝั่งเขา จนสร้างความแตกแยก จึงได้แจ้งดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวกับภัยความมั่นคง ยืนยันไม่ได้เป็นการแก้เกี้ยวให้กับนายกฯ และไม่ได้เรียนให้นายกฯ ทราบว่าจะมาแจ้งความ พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ ยืนยันไม่ว่าการกระทำดังกล่าวจะเกิดขึ้นในหรือนอกราชอาณาจักร เป็นคนไทยหรือต่างชาติ หากทำลายความมั่นคง ก็สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายไทยได้ โดยตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐาน สืบค้นแหล่งที่มาของต้นโพสต์ หารือกับอัยการสูงสุดและประสานสถานทูตประเทศนั้น เพื่อให้ส่งเอกสารไปยังประเทศปลายทางของผู้ที่ถูกออกหมายจับ ส่วนจะได้ตัวหรือไม่ ไม่อยากให้คาดการณ์.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

นายกฯ​ นั่งหัวโต๊ะประชุม 7 ผู้ว่าฯ ชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 20 มิ.ย.- นายกรัฐมนตรี​ นั่งหัวโต๊ะประชุม 7 ผู้ว่าฯ ชายแดนไทย-กัมพูชา ลั่น​แม้รัฐบาลหวังหลีกเลี่ยงการปะทะ​ แต่หากเกิดเหตุสุดวิสัย ทุกภาคส่วนต้องพร้อม ย้ำผู้บริหารมหาดไทย​ แม้มีการเปลี่ยนแปลง​ แต่อยากให้ทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างเข้มแข็งไม่มีการเปลี่ยน บอก สัญญารัฐบาลไม่ทิ้งกระทรวงใด​ ขณะที่ช่วงบ่ายเตรียมบินไป จ.อุบลราชธานี พบแม่ทัพภาคที่ 2 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี​ เป็นประธานการประชุมติดตามดูแลการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล และวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ กับผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดชายแดน ประกอบด้วย​ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ตราด จันทบุรี สระแก้ว โดยมี นางสาวธีรรัตน์​ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง และนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมการประชุม โดยนายกรัฐมนตรี​ […]

ปชป. ออกแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลต่อ ขอทบทวนสัมพันธ์กัมพูชา

พรรคประชาธิปัตย์ 20 มิ.ย.- “ประชาธิปัตย์” ออกแถลงการณ์ยืนยันดำรงสถานะพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมขอให้ทบทวนท่าทีความสัมพันธ์กับกัมพูชา พรรคประชาธิปัตย์ออกแถลงการณ์ระบุว่า ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้หารือและพิจารณาร่วมกัน เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 19 มิถุนายน 2568 คณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ มีความเห็นเป็นฉันทามติร่วมกัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้