กรุงเทพฯ 22 มี.ค. – “หมิว สิริลภัส” นักแสดงสาว เข้าพบพูดคุยกับตำรวจคู่กรณี หลังแอบตามเข้าห้องน้ำในปั๊มน้ำมันย่านรัชดาภิเษก โดยตำรวจได้ขอโทษและยืนยันปวดท้องหนักมาก แถมพักผ่อนน้อยจนเบลอ ไม่ทันดูห้องน้ำ ด้าน “หมิว” ไม่ปักใจเชื่อ และไม่รับคำขอโทษ ขอดูพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบ ขณะนี้ดำเนินคดีได้เพียงข้อหาทำให้ตกใจกลัว
นางสาวสิริลภัส กองตระการ หรือหมิว ดาราสาว เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน หลังมีการนัดหมายให้มาพบพูดคุยกับคู่กรณี เป็นตำรวจชั้นประทวน ยศ ส.ต.ท. สังกัด สน.ทุ่งมหาเมฆ หลังก่อนหน้านี้ได้แจ้งความดำเนินคดี หลังถูกชายตามถึงในห้องน้ำของปั๊มน้ำมันริมถนนรัชดาภิเษก โดยเชื่อว่าชายคนดังกล่าวได้แอบถ่ายขณะทำกิจธุระในห้องน้ำ ก่อนขึ้นรถเก๋งตำรวจหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ต่อมาพบว่าชายคนดังกล่าว เป็นตำรวจจริง
หมิวเปิดเผยกับสื่อก่อนเข้าไปพบกับคู่กรณีว่า วันนี้ได้นำหลักฐานเป็นภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุ พร้อมคลิปวิดีโอจุดเกิดเหตุในช่วงเวลากลางวัน และถ่ายภาพสภาพของห้องน้ำชั่วคราวภายในปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ ซึ่งพบว่าห้องน้ำแยกกันระหว่างห้องน้ำชายและห้องน้ำหญิงอย่างชัดเจน มาเป็นหลักฐานมอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าคำให้การของคู่กรณีว่าสับสนระหว่างห้องน้ำ ชายหญิง ทำให้เข้าผิด ฟังไม่ขึ้น จากนั้นได้เข้าไปพูดคุยกับ ส.ต.ท. คู่กรณี ในห้องของ ผกก. สน.พหลโยธิน โดยไม่อนุญาติให้สื่อเข้าไปสังเกตการณ์ ใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง
จากนั้นหมิวเปิดเผยหลังพูดคุยกับตำรวจคู่กรณี บอกว่าตัวเองปวดท้องหนักมาก และพักผ่อนน้อยจนเบลอ ไม่ทันได้ดูห้องน้ำ ไม่มีใครสั่งให้ติดตามแน่นอน แต่ตนเองติดโซเชียลมากจึงเล่นโทรศัพท์มือถือ ยืนยันว่าไม่เห็นคู่กรณียกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย แต่เห็นเขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากันพอดี ซึ่งคู่กรณีได้ขอโทษแล้ว แต่ยังไม่รับคำขอโทษ หรือปักใจเชื่อ ต้องรอดูหลักฐานอื่นประกอบก่อน เช่น หากรถตำรวจคันที่มาจอดข้างกันเป็นรถตำรวจจริงๆ ก็คงจะมีเจตนาที่จะขับตามตนมาหรือไม่ ขณะนี้จะยังไม่ตัดสินว่าใครผิดจนกว่าคดีจะถึงที่สุด เบื้องต้นได้คุยกับตำรวจแล้ว พบว่าไม่เข้าข่ายความผิดตามคดีอาญา ฐานคุกคามหรืออนาจาร เป็นเพียงความผิดลหุโทษ ฐานทำให้ตกใจกลัว ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับคู่กรณีเชื่อว่าเขาเองไม่น่าจะเป็นคนตั้งใจที่จะทำอนาจารใดๆ เพียงแค่สงสัยว่าเหตุใดคนที่ปวดท้องหนักมาก แต่เมื่อเข้าห้องน้ำกลับไม่รีบทำธุระ เพราะถามคู่กรณีไปก็ตอบไม่ได้
ด้านตำรวจนายดังกล่าว เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุเข้าเวรทำงานตั้งแต่ช่วงตี 5 ครึ่ง จนถึง 5 ทุ่ม ก่อนหน้านั้นต้องรับผิดชอบงานจราจร และไปดูแลการชุมนุม อีกทั้งมีการทำงานลากยาวติดสะสมแบบนี้มาหลายวันแล้ว จึงทำให้เกินความเบลอ และพลาดเดินเข้าห้องน้ำผู้หญิง ทั้งนี้ การมายัง สน.พหลโยธิน ในวันนี้ ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าในวันนั้นไม่ได้มีเจตนาจะตามไปถ่ายคลิป หรือตามไปก่อเหตุอนาจารอะไร อีกทั้งเหตุที่มีการขับรถหลบหนีออกจากปั๊มโดยไม่อธิบายหรือชี้แจงอะไร เพราะเห็นหมิวถือมีดและส่งเสียงดัง จึงเกิดความกลัว อย่างไรก็ตาม ได้มีการขอโทษ พร้อมรับผิดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางอาญาหรือทางวินัย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นางสาวสิริลภัส หรือหมิว นำหลักฐานภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุ พร้อมคลิปวิดีโอ แถลงชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชน กรณีถูกชายคนหนึ่งเดินตามเข้าไปห้องน้ำในปั๊มน้ำมันย่านรัชดาภิเษก โดยสงสัยว่าจะตามเข้าไปถ่ายภาพขณะทำธุระในห้องน้ำ ก่อนวิ่งขึ้นรถตำรวจหลบหนีไปนั้น
หมิวบอกว่า เหตุเกิดขึ้นคืนวันที่ 6 มีนาคม หลังไปส่งเพื่อนที่ย่านรัชดาฯ ซอย 8 และจะไปต่อที่ซอยรัชดาภิเษก 32 เพื่อคุยธุระเรื่องเพลง ระหว่างทางแวะเข้าห้องน้ำปั๊มน้ำมัน เห็นรถคู่กรณีขับมาจอดเทียบ แต่ไม่ยอมลงจากรถจนผิดสังเกต จึงหยิบมีดปอกผลไม้พกติดตัวเข้าห้องน้ำ ต่อมาหลังเข้าห้องน้ำได้สักพัก มีคนเดินตามเข้ามาในห้องน้ำที่อยู่ติดกัน ด้วยความที่ไม่ไว้วางใจแต่แรก จึงไม่ทำธุระ ยืนรออยู่บนชักโครก พยายามฟังว่าอีกฝ่ายเข้ามาทำธุระตามปกติหรือไม่ แต่ไม่ได้ยินเสียงถอดกางเกง หรือเห็นว่าจะทำธุระใด เวลาผ่านไปราว 3 นาที ก่อนที่อีกฝ่ายจะสังเกตมองมาที่ตน จากนั้นตนจึงเริ่มโวยวายและเหตุการณ์ต่างๆ ก็เป็นไปตามที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ จากนั้นวันรุ่งขึ้นก็เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.พหลโยธิน และทำใจอยู่นานกว่าจะตัดสินใจโพสต์เตือนภัยเรื่องนี้ลงในโซเชียลมีเดีย และค่อนข้างมั่นใจว่าตั้งแต่คู่กรณีเดินเข้าห้องน้ำ จนถึงออกจากห้องน้ำ ไม่ได้ถ่ายคลิปของตนไว้ เพราะตนระมัดระวังตัวและสังเกตพฤติกรรมคู่กรณีตลอด หากนำมือถือไปตรวจสอบคิดว่าไม่น่าจะพบภาพอะไร หลังเกิดเรื่องได้ให้คนสนิทไปถ่ายภาพลักษณะห้องน้ำช่วงกลางวัน เพื่อนำมาเปรียบเทียบว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเข้าใจผิดหรือไม่ ซึ่งมองว่าเป็นไปได้ยาก เพราะห้องน้ำมีป้ายแสดงสัญลักษณ์ชัดเจน ส่วนเรื่องที่ตนต้องพกมีดเข้าไปในห้องน้ำ ยอมรับว่าตนพกไว้ป้องกันตัว ซึ่งพกมาตลอดตั้งแต่ขับรถแรกๆ เนื่องจากมักไปไหนเพียงลำพัง อีกทั้งมีดที่พกก็เป็นเพียงมีดปอกผลไม้เท่านั้น
ส่วนเรื่องการดำเนินคดี แม้จะไม่มีการถ่ายภาพลามกอนาจาร แต่มองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล อาจเข้าข่ายเป็นการคุกคามทางเพศ ซึ่งจะขอให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และเท่าที่ได้รับการประสานข้อมูลจากผู้บังคับบัญชาของตำรวจนายดังกล่าว ก็ระบุว่าพร้อมจะอำนวยความสะดวกเรื่องการดำเนินคดี.-สำนักข่าวไทย