ราชทัณฑ์ไล่ออก-ปลดออกข้าราชการ 5 ราย

กรมราชทัณฑ์ 9 ก.พ.- อ.ก.พ.กรมราชทัณฑ์ มีมติไล่ออกข้าราชการ 2 ราย ทุจริตเบียดบังเงินจำหน่ายสินค้า-เรียกรับเงินจากผู้ต้องขัง และปลดออก 3 ราย ซุกซ่อนยาเส้น-ไม่อยู่ควบคุมผู้ต้องขังที่ รพ.ทำให้เกิดการหลบหนี


นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ในการประชุม อ.ก.พ. กรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.64 ที่ประชุมมีมติลงโทษข้าราชการที่กระทำผิดวินัย 5 ราย โดยมีมติไล่ออกจากราชการ 2 รายจากพฤติการณ์ คือ 1.ทุจริตเบียดบังเงินค่าจำหน่ายสินค้าในงานนิทรรศการผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ จำนวน 1ราย และ 2.เรียกรับเงินจากผู้ต้องขังเพื่อช่วยเหลือให้ออกทำงานสาธารณะ และไม่กำกับดูแล ปล่อยให้ผู้ต้องขังครอบครองและใช้โทรศัพท์มือถือ 1 ราย

และมีมติปลดออกจากราชการอีก 3 ราย เนื่องด้วยพฤติการณ์ซุกซ่อนยาเส้นในขากางเกงและรองเท้าหุ้มข้อเพื่อนำเข้าไปให้ผู้ต้องขังในเรือนจำ 1 ราย และไม่อยู่ควบคุมผู้ต้องขังป่วยที่โรงพยาบาลเป็นเหตุให้ผู้ต้องขังหลบหนีโดยไม่สามารถติดตามตัวกลับมาได้ จำนวน 2 ราย


โดยทั้งหมดนี้ถือเป็นพฤติการณ์ที่ฝ่าฝืนและขัดต่อกฎ ระเบียบ และวินัยที่ข้าราชการกรมราชทัณฑ์พึงปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.วินัยข้าราชการกรมราชทัณฑ์ พ.ศ.2482 และพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 รวมถึงกฎหมาย และระเบียบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

“กรมราชทัณฑ์ มีนโยบายกำชับให้ข้าราชการในสังกัดยึดถือปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด เนื่องจากการทำงานเป็นงานที่มีลักษณะพิเศษ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและปลอดภัยของสังคมและยังเกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับ จึงต้องปฏิบัติด้วยความสุจริต รอบคอบ ระมัดระวัง มีความละเอียดถี่ถ้วน ถูกต้องแม่นยำและจะเกิดความผิดพลาดไม่ได้ ฉะนั้นงานราชทัณฑ์ถือได้ว่ามีความยากมากเป็นพิเศษ เพื่อให้การควบคุมดูแล แก้ไขและพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังเป็นไปอย่างมืออาชีพและมีประสิทธิ ภาพ ซึ่งที่ผ่านมาข้าราชการกรมก็ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีเสมอมาภายใต้กรอบข้อบังคับต่าง ๆ แต่อาจมีข้าราชการเพียงส่วนน้อยที่มีพฤติการณ์กระทำผิด จึงมีการพิจารณาลงโทษเพื่อมิให้เป็นแบบอย่างกับข้าราชการอื่นๆ ตลอดจนเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและสังคมต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ต่อไป” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มพาลูก-เมียกลับจากฉลองวันเกิด รถยางระเบิดเสียหลักชนเสาไฟ ดับ 3 สาหัส 2

พ่อแม่ลูก 5 คน กลับจากฉลองวันเกิด รถกระบะยางระเบิดเสียหลักหมุนชนอัดเสาไฟฟ้า พ่อและแม่พร้อมลูกคนโตเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกคนกลางและคนเล็กอาการสาหัส

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

ข่าวแนะนำ

กกต.พอใจภาพรวมเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ

11 พ.ค. – กกต.พอใจภาพรวมการเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หวังมีผู้มาใช้สิทธิตามเป้า 70% พร้อมกำชับ จนท.ขานคะแนนให้ชัด และเตรียมแผนเผชิญเหตุกรณีฝนตก-ไฟดับ.-สำนักข่าวไทย

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]

บั้งไฟสิบล้านตกใส่โรงสีข้าว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

บั้งไฟสิบล้านตกใส่โกดังโรงสีข้าว หลังคาทะลุ โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ด้านโรงสีไม่ได้แจ้งความหรือดำเนินคดี

กกต. เผยเลือกตั้งเทศบาล มีคำร้อง 352 เรื่อง เตือนอย่าทำผิด กม.

ประธาน กกต. เผยยอดคำร้อง “เลือกตั้งเทศบาล” เพิ่มเป็น 352 เรื่อง เตือนอย่าทำผิดกฎหมาย พร้อมเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ คาดรู้ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ไม่เกิน 4 ทุ่ม