สหรัฐ 14 ม.ค.-คนเดียวในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ผ่านมติถอดถอน เป็นครั้งที่สอง จากเหตุผู้สนับสนุนก่อจลาจลที่รัฐสภา
สมาชิกสภาล่าง หรือสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ เริ่มกระบวนการอภิปรายเพื่อลงมติว่า จะถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่งหรือไม่ ด้วยข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการ คือยุยงปลุกปั่นให้เกิดการจลาจล หนึ่งสัปดาห์หลังม็อบที่สนับสนุนเขาบุกจู่โจมอาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ซึ่งถือเป็นการโจมตีประชาธิปไตยของอเมริกาอย่างเลวร้าย และก็เป็นไปตามความคาดหมาย เมื่อเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ลงมติถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่ง ด้วยคะแนน 232 ต่อ 197 เสียง ทำให้เขาเป็นประธานาธิบดีคนเดียวในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐที่ถูกยื่นญัตติถอดถอน 2 ครั้ง โดยมีสมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนให้การสนับสนุนด้วย อย่างไรก็ตาม สส.เควิน แม็คคาร์ธีย์ ผู้นำพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวว่า การถอดถอนประธานาธิบดีในช่วงนี้จะส่งผลเสียมากกว่าผลดีต่อความพยายามผสานความแตกแยกภายในประเทศ ขณะที่โฆษกประจำตัวของผู้นำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา ส.ว.มิตช์ แม็คคอนแนลล์ กล่าวว่า ส.ว.แม็คคอนแนลล์ยังไม่ต้องการให้มีการประชุมฉุกเฉินของวุฒิสภาสหรัฐ เพื่ออภิปรายเรื่องการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์แต่อย่างใด พรรคเดโมแครตกล่าวหาว่าประธานาธิบดีทรัมป์ปลุกปั่นให้เกิดจลาจล ในเหตุการณ์ผู้สนับสนุนทรัมป์บุกรุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันพุธที่แล้ว แต่ทรัมป์กล่าวระหว่างการเยือนชายแดนสหรัฐ – เม็กซิโกเมื่อวันอังคารว่ากระบวนการถอดถอนจะทำให้เกิดความโกรธแค้น ความแตกแยกและ
ความเจ็บปวดเกินกว่าที่คนส่วนใหญ่จะเข้าใจ ซึ่งถือเป็นอันตรายต่อสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสำคัญนี้พร้อมเรียกร้องให้เกิดความสงบและสันติ และว่าความพยายามถอดถอนเขาเป็นการล่าแม่มดอย่างต่อเนื่องครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมือง อ้างอิงถึงกระบวนการสืบสวนที่พุ่งเป้ามายังเขาก่อนหน้านี้ ทั้งการแทรกแซงการเลือกตั้งของรัสเซียเมื่อปี 2559 และความพยายามถอดถอนเขาเมื่อปี 2562 หลังเขาขอให้ยูเครนช่วยขุดคุ้ยข้อมูลของอดีตรองประธานาธิบดีไบเดนในช่วงก่อนการเลือกตั้ง โดยโดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ของปีที่แล้ว วุฒิสภาสหรัฐ มีมติประกาศให้ทรัมป์ พ้นผิดทุกญัตติถอดถอน
หลังจากนี้ ญัตติถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปยังสภาสูงหรือวุฒิสภา ซึ่งต้องการเสียง 2 ใน 3 ของวุฒิสมาชิกทั้งหมดเพื่อให้ญัตติถอดถอนมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม อาจมีชะลอการยื่นเรื่องถอดถอนออกไปหลังจากที่นายโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งแล้ว ซึ่งการถอดถอนหลังที่ทรัมป์พ้นตำแหน่ง จะมีผลให้เขาไม่สามารถลงสมัครเป็นประธานาธิบดีได้อีกครั้งในสมัยหน้า.-สำนักข่าวไทย