แนชวิลล์ 24 ธ.ค.- รัฐเทนเนสซี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐกลายเป็นศูนย์กลางการระบาดล่าสุดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ขณะที่หลายพื้นที่ในสหรัฐพยายามสกัดไวรัสสายพันธุ์ใหม่จากอังกฤษ
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐหรือซีดีซี (CDC) แจ้งว่า รัฐเทนเนสซีที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 16 ของประเทศพบผู้ป่วยใหม่เฉลี่ย 128 คนต่อประชากรทุก 100,000 คนในช่วง 7 วันที่ผ่านมา สูงที่สุดในสหรัฐ รองลงมาคือรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ พบผู้ป่วยใหม่เฉลี่ย 111 คนต่อประชากรทุก 100,000 คน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเชื่อว่า การที่ชาวอเมริกันเดินทางและรวมกลุ่มกันช่วงวันหยุดวันขอบคุณพระเจ้าช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาเป็นสาเหตุที่ทำให้อัตราผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นรวดเร็วครั้งล่าสุด เฉพาะวันอังคารตามเวลาสหรัฐเพียงวันเดียวมีผู้ป่วยใหม่กว่า 194,600 คน
ขณะเดียวสหรัฐยังคงไม่ห้ามการเดินทางมาจากอังกฤษ แม้หลายประเทศทั่วโลกสั่งห้ามแล้วเพื่อป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่เชื่อกันว่าแพร่ได้เร็วกว่าเดิม นายบิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กแถลงว่า ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศจะต้องกักโรค 14 วัน และให้ข้อมูลติดต่อกับทางการ เจ้าหน้าที่จะหมั่นตรวจผู้ที่เดินทางมาจากอังกฤษ ผู้ฝ่าฝืนระเบียบนี้จะถูกปรับวันละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 30,200 บาท) ด้านนายแอนดรูว์ คัวโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กขอให้สายการบินต่าง ๆ ตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 กับผู้โดยสารชาวอังกฤษ ขณะที่นายเจย์ อินสลีย์ ผู้ว่าการรัฐวอชิงตันสั่งกักโรค 14 วันกับผู้เดินทางมาจากสหราชอาณาจักร แอฟริกาใต้ และประเทศที่พบไวรัสสายพันธุ์ใหม่.-สำนักข่าวไทย