นายกฯ ยันไม่เคยหนีภาษี มั่นใจเสียภาษีมากกว่าคนอภิปราย

ไม่เคยหนีภาษี

รัฐสภา 24 มี.ค.-นายกฯ ยันไม่เคยหนีภาษี มั่นใจเสียภาษีมากกว่าคนอภิปราย ย้ำทรัพย์สินของตนเองและครอบครัว ถูกตรวจสอบเข้มข้นตั้งแต่สมัยหลังปฏิวัติ 19 ก.ย.49 ส่วนที่ดินอัลไพน์ ซื้อขายถูกกฎหมาย ตั้งแต่ตอนที่ตนอายุ 11 ขวบ บอกไม่แทรกแซงปมเขากระโดง ให้ความเป็นธรรม

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงการอภิปรายว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีสมาชิกอภิปรายที่เข้าใจว่า ตนเป็นจอมยุทธ กำลังสำคัญผิดในข้อเท็จจริง การใช้สำนวนโวหารต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน และนำเรื่องภาษีที่เป็นคนละหมวด มาอธิบายให้คนสับสน


นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ทั้งการปฏิบัติ และเจตนาว่าทุกอย่างดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ถูกต้องตามกฎหมาย

“การกล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้หนีภาษี ไม่เป็นความจริงเลย จริงๆ แล้วเป็นเรื่องตรงกันข้าม ถึงแม้ดิฉันจะอายุน้อยกว่าท่าน แต่ดิฉันมั่นใจว่า ดิฉันเสียภาษีให้รัฐมามากกว่าท่านแน่นอน” นางสาวแพทองธาร กล่าว
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน ต่อป.ป.ช. เมื่อเข้ารับดำรงตำแหน่ง ยืนยันว่า ได้ยื่นภาษีครบถ้วนตามขั้นตอน และขณะนี้มีผู้ยื่นคำร้องตรวจสอบความถูกต้อง ถือว่าเรื่องอยู่ในกระบวนการของ ป.ป.ช. และตนยินดีและเต็มใจที่จะแสดงข้อมูล หลักฐาน และให้ความร่วมมือทุกประการ จนกว่าจะมีข้อสรุปจากป.ป.ช.
 
ส่วนเรื่องธุรกรรมก่อนการดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พูดกันชัดๆ ว่าทรัพย์สินและหนี้สินของครอบครัว และกิจการในครอบครัวของตน มีการถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น ตั้งแต่หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ไม่เคยมีตอนไหนไม่เข้มข้น ทุกบัญชี ทุกธุรกรรมอยู่ในสายตา อยู่ในที่เปิดเผยและโปร่งใสมานานมากแล้ว และยืนยันว่า ทรัพย์สินที่โดนตรวจสอบทั้งหมด ที่ดินทุกแปลง ทุกตารางวาที่ครอบครัวมี ออกฉโนดโดยรัฐทั้งหมด ไม่มีการซื้อที่ดินไม่มีฉโนด
 
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า การทำธุรกรรมเรื่องหุ้นที่ท่านสมาชิกพูดถึง เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 ก่อนการเข้าสู่การเมืองหลายปี โดยเป็นความตั้งใจในการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท โดยการซื้อขายผ่านตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า PN (Promissory Note) เป็นหนังสือที่ให้คำมั่นสัญญาว่า จะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้กับอีกบุคคลหนึ่ง ตามระยะเวลาที่ได้ตกลงกัน โดยหนังสือดังกล่าวตนได้ติดอากรสแตมป์ตามกฎหมาย ซึ่งการซื้อขายแบบนี้บางรายการไม่มีการเสียภาษี เนื่องจากยังไม่มีการชำระเงิน ก็เลยไม่ทราบจำนวนและเสียภาษีไม่ได้ ซึ่งการเสียภาษีแบบนี้จึงเป็นภาระหนี้สินระหว่างตนซึ่งเป็นผู้ซื้อ และครอบครัวที่เป็นผู้ขาย และยืนยันว่า ไม่มีพฤติกรรมอำพรางใดๆ เพราะยอดหนี้ก้อนนี้แสดงอยู่ในบัญชีทรัพย์สินของตนอยู่แล้ว และได้ยื่นต่อ ป.ป.ช.ไปหมดแล้ว สามารถตรวจสอบได้เช่นกัน
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วิธีการนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นสิ่งที่มีทำกันเป็นปกติ หรือลองถามเพื่อนสมาชิกพรรคฝ่ายค้านดูก็ได้ว่า มีใครทำธุรกิจอะไรประมาณนี้หรือไม่ หรือมีการทำตั๋วสัญญาใช้หนี้แบบนี้บ้างหรือไม่ ซึ่งถ้ามีก็เป็นเรื่องปกติ


ส่วนที่อ้างว่า เรื่องนี้จะเป็นแหล่งทุจริต ข้าราชการผู้ใหญ่จะออกตั๋วสัญญาใช้เงิน เป็นกระบวนค้ายาเสพติดจะออกตั๋วให้กัน ตนมองว่า เป็นเรื่องจินตนาการไปเยอะเหมือนกัน พร้อมกับย้ำว่า การออกตั๋วสัญญาใช้เงินจะทำกับธุรกรรมที่ถูกกฏหมาย ดำเนินการโดยเปิดเผย ฝ่ายผู้ซื้อ ฝ่ายผู้ขาย รับภาระหนี้สินระหว่างกัน ไม่มีการกระทำนอกกฏหมายใดๆ

นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า การเลือกใช้วิธีออกตั๋วสัญญาใช้เงินแทนการรับให้ เพราะถือเป็นการดำเนินการทางธุรกิจอย่างเปิดเผย สิ่งทีทำไม่สามารถแอบทำได้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องล้วนเป็นผู้บรรลุนิติภาวะ และการปรับโครงสร้างหุ้นจำเป็นต้องใช้การซื้อขาย แต่ ณ เวลานั้นตนไม่มีความพร้อมที่จะชำระค่าหุ้นด้วยเงินสด จึงทำตั๋วสัญญาใช้หนี้ไว้ ซึ่งได้แสดงไว้ในบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.แล้ว และที่พูดคุยกันในครอบครัว ว่า ตนมีแผนการชำระเงินอยู่แล้ว ซึ่งรอบแรกจะเกิดขึ้นภายในปีหน้า เป็นสิ่งที่ตนและครอบครัวตกลงกัน ไม่ได้มีปัญหาอะไร และแน่นอนเมื่อเกิดการซื้อขายเกิดขึ้น หลักฐานทั้งหมดจะปรากฏในบัญชีทรัพย์สินของตน ป.ป.ช.ก็สามารถตรวจสอบได้ และเมื่อมีการซื้อขาย มีการต้องจ่ายภาษี ไม่สามารหลบการจ่ายภาษีได้อยู่แล้ว

นางสาวแพทองธาร ชี้แจงกรณีที่ดินอัลไพน์ เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ตอนบริษัทครอบครัวซื้อที่ดินแปลงนี้ ตนอายุเพียง 11 ขวบและไม่ได้เป็นกรรมการบริษัท และไม่แน่ใจว่า ท่านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่ตอนนั้นหรือเปล่า และการซื้อที่ดินทุกแปลงครอบครัว ไม่เคยซื้อที่ดินที่ไม่ได้มีการออกโฉนดโดยหน่วยงานของรัฐ ทุกอย่างทำถูกต้องตามกฎหมาย
 
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อว่า หลังจากนั้นเมื่อมีคดีความ แต่ละขั้นตอนก็ว่ากันไปตามกระบวนการ จนตนเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่เคยไปก้าวก่ายแทรกแซงใดๆ ไม่สามารถทำได้ ซึ่งตนอาจจะต้องอธิบายในอนาคตเพิ่มขึ้น และหลังจากนี้ขอให้รมว.มหาดไทยชี้แจงในรายละเอียดเพิ่มเติมและทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ


ในส่วนกรณีเขากระโดงนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นกรณีพิพาทระหว่างกรมที่ดิน การรถไฟฯ และพี่น้องประชาชน ตนในฐานะนายกรัฐมนตรี จะกำชับเรื่องนี้อย่างดีให้ความเป็นธรรมกับประชาชน และทุกขั้นตอนจะเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย และขอให้มั่นใจว่า ทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องผ่านกระบวนการไม่เช่นนั้นจะเกิดความวุ่นวายต่างๆ ตามมา ไม่อยากให้ใช้เรื่องเซนซิทิฟทำให้เกิดความสับสน หรือเกิดความแตกแยกในสังคม เพราะว่าจริงๆ แล้วเราเป็นคนรุ่นใหม่ น่าจะพร้อมรับฟัง และหากมมีผลงานใดๆที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ก็ควรจะชื่มชมบ้างจะได้เป็นกำลังใจในการทำงาน เพราะอย่างๆ น้อยเราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน มั่นใจว่า ทุกคนก็หวังดีกับประเทศไทย แต่การพูดให้คนเกลียดชังหรือเกิดความแตกแยก เราผู้มีวุฒิภาวะไม่ควรทำ.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]