ฝ่ายค้านซักฟอก “อัลไพน์-เขากระโดง” โยงเป็นดีลบาปแลกที่ธรณีสงฆ์​

รัฐสภา​24 มี.ค.-ฝ่ายค้าน ลากอัลไพน์-เขากระโดง เข้าซักฟอก​ โยงเป็นดีลบาปแลกที่ธรณีสงฆ์​ “จุลพงษ์” ซัดใช้อำนาจ นายกฯ หวังฮุบที่ดิน ชี้รู้เห็นเป็นใจแค่ละครแบ่งผลประโยชน์

นายจุลพงษ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีว่า นายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรมร่วมสมคบคิดกับคนในครอบครัว ใช้อิทธิพลทางการเมืองของบิดาเพื่อให้ที่ธรณีสงฆ์ที่บริษัท อัลไพน์กอล์ฟแอนด์สปอร์ตคลับ จำกัด ที่ยึดถืออยู่ไม่ต้องคืนเป็นที่ดินของวัด หลังจากที่นางสาวแพทองธาร ได้ถือหุ้นแทนบิดาในบริษัทดังกล่าวมาระยะหนึ่ง ก็ได้เข้ามาเป็นกรรมการบริษัทดังกล่าวในช่วงปี 59-67 และนางสาวแพทองธาร ก็ทราบดีว่าที่ดินสนามกอล์ฟของบริษัทเป็นที่ธรณีสงฆ์ ที่ควรต้องคืนกลับให้วัดหลังจากมีคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลอาญาทุจริต แต่ ไม่เคยแสดงเจตนาที่จะทำเรื่องนี้ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ฉวยโอกาสให้บริษัทของตัวเองประกอบธุรกิจสนามกอล์ฟเพื่อแสวงหากำไรจากที่ดินของวัด เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อเป็นนายกฯ ก็ใช้อำนาจหน้าที่กับข้าราชการเพื่อฮุบที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ต่อให้นานที่สุด


นายจุลพงษ์​ กล่าวว่า ตอนนี้นายกฯ ยังนำเรื่องสนามกอล์ฟมาต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อจะได้ค่าชดเชยจากกรมที่ดินกว่า 7 พันล้านกว่าบาท จากการที่ถูกเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ของวัดหากจะต้องโอนที่ดินคืนให้แก่วัด ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวของนางสาวแพทองธาร แสดงให้ประจักษ์ชัดว่า เป็นบุคคลที่ไร้ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไร้ธรรมมาภิบาล เห็นประโยชน์ส่วนตัวและบุคคลในครอบครัวมากกว่าผลประโยชน์สาธารณะในทางศาสนาของการเป็นที่ธรณีสงฆ์ จึงทำให้ตนไม่สามารถไว้วางใจให้ท่านเป็นนายกฯ ได้อีกต่อไป ซึ่งสิ่งที่ทำให้ตนต้องเอาเรื่องสนามกอล์ฟอัลไพน์ที่เกิดตั้งแต่ปีมะโว้ มาอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ นั้น เพราะเรื่องมีปัญหาไม่จบไม่สิ้น ปัญหาคาราคาซังมานานจนถึงทุกวันนี้ เพราะมีการช่วยเหลือเอื้อประโยชน์กัน เพื่อไม่ให้ที่ธรณีส่งกลับเป็นของวัด และนายกฯ กับบุคคลในครอบครัวก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน​ เป็นพฤติกรรมดีลบาปแลกที่ธรณีสงฆ์

นายจุลพงษ์ อภิปรายว่า ช่วงแรกที่เข้าไปซื้อหุ้นบริษัทอัลไพน์บิดาของนายกฯไม่ได้ถือหุ้นบริษัทอัลไพน์ไว้เอง แต่บิดานายกฯ ซุกหุ้นเอาไว้กับคนใช้ คนขับรถ และรปภ. เป็นนอมินีถือหุ้นแทนเท่ากัน เรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากที่บิดานายกฯถูกเปิดโปงเรื่องซุกหุ้น จนโดนป.ป.ช. ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ บิดาของนายกฯก็เลยโอนหุ้นจากนอมินีสามคน ให้กับนายกฯ พี่สาวนายกฯ และแม่นายกฯ เท่าๆกันในปี 44 ได้จ่ายเงินซื้อหุ้นบริษัทอัลไพน์ฯ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาทแล้วหรือไม่ หรือเอามาฟรีเพื่อเป็นนอมินีให้กับบิดา และเมื่อนายกฯถือหุ้น บริษัทอัลไพน์ฯ ก็เท่ากับว่าเป็นเจ้าของที่ธรณีสงฆ์ที่เป็นสนามกอล์ฟไปด้วย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่ออภิปรายถึงช่วงนี้ สส. เพื่อไทย ประท้วงเป็นระยะ ว่าผู้ที่อภิปรายอยู่นั้นอภิปรายเยิ่นเย้อ เช่น น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น

จากนั้นนายจุลพงษ์ อภิปรายต่อว่า ผู้สอบบัญชีบริษัทอัลไพน์ฯ ได้ทำบันทึกในหมายเหตุประกอบการทุกปีว่าที่ดินของบริษัทที่ได้รับการโอนขายมรดกของคุณยายเนื่อม มีปัญหามาโดยตลอด และมีการระบุอย่างชัดเจนในหมายเหตุท้ายงบการเงินว่าที่ดินบริษัทอัลไพน์ฯ นั้นรับการจดทะเบียนโอนที่ดินมรดกจากมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย มีบันทึกผู้สอบบัญชีอีกว่า คำสั่งของรองปลัดกระทรวงมหาดไทยออกคำสั่งโดยทุจริต มีการอ้างคำพิพากษาของศาลอาญาทุจริตลงโทษอาญารักษาราชการปลัดกระทรวงมหาดไทย และยังมีลายเซ็นนายกฯ กำกับหมายเหตุประกอบท้ายการเงิน และงบการเงินทุกหน้า ดังนั้น นายกฯต้องรู้ดีและรู้อยู่แก่ใจ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องรู้ว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ แต่ก็ยังอยากฮุบที่ดินมาเป็นของตัว และครอบครัว และจากตอนนั้นมาถึงตอนนี้มีความพยายามฮุบที่ดินของวัดมาเป็นของตัวเองต่อไป รวมถึงมีการใช้อำนาจ และความเตะถ่วงการเพิกถอนการโอนที่ดินจนถึงทุกวันนี้ และท้ายที่สุดก็ถูกนำมาเป็นเครื่องมือต่อรองแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างกลุ่มการเมืองในรัฐบาลชุดนี้

นายจุลพงษ์ กล่าวว่า กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ก็คิดค่าเสียหายรอไว้แล้ว สอดคล้องกับที่บิดาของนายกฯ บอกว่า รำคาญ เพิกถอนการโอนเมื่อไหร่ก็จ่ายค่าเสียหายมา ซึ่งตอนนี้คงจะกำลังรอเจรจาต่อรองกันว่าจะเอาอย่างไรกับที่ดิน อีกแห่งหนึ่งของพรรคร่วมรัฐบาล ที่คาราคาซังไม่ลงรอยกันมาเป็นปีคือพรรภูมิใจไทย เป็นที่ประจักษ์ของสังคมมาหลายเดือนแล้วซึ่งเรื่องหนึ่งที่เอามาเจรจาต่อรองกันคือเรื่องที่ดินอัลไพน์ กับที่ดินเขากระโดงของตระกูลชิดชอบ หรือเป็นละครฉากหนึ่งของการแบ่งผลประโยชน์ระหว่าง 2 พรรคการเมือง


นายจุลพงษ์ กล่าวว่า หากมีใครหน้าไหนมาเสนอในลักษณะยื่นหมูยื่นแมว ประเคนเงินภาษีของประชาชนไปชดเชยให้กับครอบครัวของนายกฯ ที่ต้องคืนที่ดินอัลไพน์ให้กับวัด แลกกับไม่ต้องเพิกถอนที่ดินเขากระโดงเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ เรายอมให้เอาเปรียบประชาชนไม่ได้เด็ดขาด และย้ำว่าของคุณยายเนื่อมที่ยกให้วัดเป็นที่ธรณีสงฆ์ ไม่สามารถโอนให้ใครได้นอกจากออกเป็นพระราชบัญญัติ ฉะนั้น บริษัทอัลไพน์ฯ จึงไม่สามารถรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์จากมูลนิธิได้ตามหลักกฎหมายผู้รับโอนไม่มีสิทธิ์ดีกว่าผู้โอน และการซื้อที่ดินของบริษัทอัลไพน์ฯจากมูลนิธิในครั้งแรก จะเห็นได้ว่าเป็นการวางแผนทำที่ดินวัด ทำเป็นธุรกิจ มีการวิ่งเต้นกับพระ และสร้างพล็อตเรื่องไม่อนุญาตให้วัด รับโอนที่มรดกของคุณยายเนื่อมมาเป็นของวัด จนมูลนิธิมีความจำเป็นต้องขายที่ดินมรดกให้คุณยายเนื่อม ให้บริษัทอัลไพน์ฯที่คนเตรียมไว้ แต่ต่อมาทั้งกฤษฎีกาและศาลได้ชี้ว่าเป็นการโอนที่ผิดกฎหมาย ซึ่งนายกฯ ก็รู้ว่าที่ดินอัลไพน์ มีปัญหากฎหมายเพราะเป็นที่ธรณีส่งมาโดยตลอด ตนจึงขอเรียนว่านายกฯ และครอบครัวไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิ์ไปเรียกร้องค่าเสียหายจากกรมที่ดิน ซึ่งตัวอย่างปัญหาด้านที่ดินเป็นปัญหาที่ใหญ่ เรื่องที่ดินของรัฐ ที่ชาวบ้านที่ยากจนอยู่อาศัยและทำมาหากินมาหลายปี ชาวบ้านถูกขับไล่ ถูกดำเนินคดีต้องติดคุกติดตาราง แต่กรณีที่เขากระโดงและสนามกอล์ฟอัลไพน์ นายกฯ กลับลอยไปลอยมาเพราะเอาอำนาจมาต่อรอง เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและครอบครัวจนถึงที่สุด และถ้านายกฯไม่เห็นด้วยกับครอบครัวก็ต้องห้ามไม่ให้ไปฟ้อง และคืนที่ดินให้กับวัด แต่นายกฯ กลับนิ่งเฉย แสดงว่ายังต้องการยึดที่วัดไว้ต่อไปให้นานที่สุด

“เมื่อนางสาวแพทองธาร มาเป็นนายกรัฐมนตรี แทนที่จะสั่งการให้ถูกต้องกลับยังรู้เห็นเป็นใจเรื่อยมา และที่ร้ายกว่านั้นก็ยังจงใจเพิกถอนให้หน่วยงานของรัฐ ละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและคำพิพากษาของศาลมาโดยตลอด นายกฯคนนี้ยังต้องการเอาเงินภาษีของประชาชนมาจ่าย เป็นค่าเสียหายให้กับตนเองและบุคคลในครอบครัว ช่างเป็นเวรกรรมของคนไทย เมื่อนายกฯ ยังแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัว ครอบครัว และผลประโยชน์ส่วนรวม ไม่ได้ จึงไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ ปล่อยประละเลยการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีไร้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดินและไร้ความสามารถในการเป็นผู้นำรัฐบาล ดังนั้น ผมจึงไม่สามารถไว้วางใจนายกฯ ให้บริหารราชการแผ่นดินได้ต่อไป” นายจุลพงษ์​ กล่าว.-319.-สำนักข่าวไทย​

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่น้ำท่วมหลายชุมชน ปิดน้ำตก 3 แห่ง

เชียงใหม่ 26 พ.ค.-เชียงใหม่ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง เกรงจะเกิดอันตราย ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ น้ำท่วมหลายชุมชน ระบายน้ำไม่ทัน บางจุดรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ฝนตกหนัก ทั่วทั้งจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงลำห้วย ทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ เชียงใหม่ สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง ทั้งน้ำตกแม่สา น้ำตกตาดหมอก อำเภอแม่ริม และน้ำตกหมอกฟ้า อำเภอแม่แตง เนื่องจากปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นและมีสีแดงขุ่น กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ฝนที่ตกหนักบนดอยสุเทพ และในตัวเมืองเชียงใหม่ ทำให้น้ำป่าบนดอยสุเทพ ไหลหลากลงลำห้วยมาตามทางระบายน้ำและไหลลงลำคลองคูไหว ทำให้เอ่อล้น จนระบายน้ำไม่ทัน เข้าท่วมขังในชุมชนศรีปิงเมือง ชุมชนฟ้าใหม่ ชุมชนกาดก้อม ระดับน้ำท่วมขังสูง 30-50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ทำให้ประชาชนและร้านค้าได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ประกอบกับนักเรียนกำลังเดินทางไปเรียน อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเทสบาลนครเชียงใหม่ กำลังเร่งสูบระบายน้ำอย่างเร่งด่วน.-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม-ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

กทม. 25 พ.ค.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โดยการปรับปรุงระบบทางระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย .-สำนักข่าวไทย

กว่า 130 ชม. ภารกิจสำเร็จ! กู้ร่างคนงานตกหลุมเสาเข็ม

กทม. 25 พ.ค.- ภารกิจสำเร็จ! ทีมกู้ภัยนำร่าง “นายดาว” คนงานพลัดตกหลุมเสาเข็ม ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ขึ้นมาด้านบนสำเร็จ หลังใช้เวลาปฏิบัติการกว่า 130 ชั่วโมง ความคืบหน้ากรณีนายศราวุฒิ หรือ นายดาว อายุ 33 ปี ชาวศรีสะเกษ คนงานที่พลัดตกลงไปในหลุมเสาเข็มความลึก 19 เมตร บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 6 และ 8 แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา เข้าสู่วันที่ 6 แล้ว หลังจากเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้คาดพิกัดที่อาจพบร่างผู้เสียชีวิตที่ระดับความลึก 11.5 เมตร ล่าสุดเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 24 พ.ค. บริเวณซอยหลานหลวง 8 เจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัย USAR และมูลนิธิร่วมกตัญญู ยังคงพยายามเร่งค้นหาเพื่อกู้ร่างนายศราวุฒิ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมี […]

“บังยา บองหลาคิงส์” รุดจับแม่งูจงอาง ไล่ฉกชาวบ้านวิ่งป่าราบ

สงขลา 25 พ.ค.- ชาวสวนยางสงขลา ผวา! แม่งูจงอางหวงไข่ดุมาก ไล่ฉกเจ้าของสวนวิ่งป่าราบ ต้องหยุดกรีดยาง ร้อนถึง “บังยาบองหลาคิงส์” ราชางูจงอางภาคใต้ ต้องมาช่วยจับ บังยา บองหลาคิงส์ ราชางูจงอางของภาคใต้ ตีรถด่วนจาก จ.กระบี่ มาช่วยจับงูจงอางนอนฟักไข่เฝ้ารังอยู่ในป่าสวนยาง พื้นที่บ้านควนยาง หมู่ 9 ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นสวนยางของนายปรีชา อายุ 46 ปี ซึ่งตอนนี้เดือดร้อนมาก ไม่กล้าไปกรีดยางเพราะมีแม่งูจงอางมานอนฟักไข่เฝ้ารังติดกับต้นยาง ครั้งแรกที่ไปเจอตอนไปกรีดยางเมื่อ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา เกือบโดนฉกมาแล้วเพราะเข้าไปใกล้รัง จนต้องวิ่งหนีสุดชีวิต หลังจากนั้นก็ไม่กล้าขึ้นไปกรีดยางอีกเลย จนต้องแจ้งขอความช่วยเหลือไปยัง บังยา บองหลาคิงส์ ให้มาช่วยจับ เมื่อทีมงานบังยา บองหลาคิงส์ มาถึงก็ต้องเดินเท้าขึ้นไปที่ป่าสวนยาง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านพอสมควร เมื่อไปถึงก็พบแม่งูจงอางตัวนี้นอนอยู่บนรังไม่ไปไหน และดุมากชูคอฉกตลอดเวลาหากเข้าใกล้ บังยาต้องหลอกล่ออยู่สักพักก็อาศัยจังหวะความนิ่งใช้มือเปล่าล็อกคอเอาไว้ได้ เป็นแม่งูสาวน่าจะท้องแรกหรือท้องสอง ยาวเกือบ 3 เมตร และเมื่อรื้อรังดูก็มีไข่อยู่ในรัง 28 ฟองและอีกไม่เกิน 10 […]

ข่าวแนะนำ

เสียงปืนสนั่นชายแดนพบพระ ผู้ปกครองไม่กล้าพาลูกไป รร.

ตาก 28 พ.ค. – เช้านี้สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ตึงเครียดหนัก ทหารกะเหรี่ยงและทหารเมียนมายิงปะทะกันด้วยอาวุธหนัก ติดชายแดน อ.พบพระ จ.ตาก ผู้ปกครองไม่กล้าพาบุตรหลานมาโรงเรียนแนวชายแดน และบางส่วนพึ่งหลุมหลบภัย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เกิดความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยกองกำลังทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ ( KNLA ) พร้อมทหารหน่วยพิทักษ์ประชาชน (PDF) จำนวนมากพร้อมอาวุธครบมือ ซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้านทหารเมียนมาได้บุกโจมตีทหารเมียนมา จากกองบังคับการควบคุมยุทธการที่ 13 จำนวนกว่า 70 คน ที่กำลังเดินทัพไปเสริมกำลังที่ฐานบ้านทิบาโบ แต่ระหว่างทางถูกทหารกะเหรี่ยงเข้าสกัดจนเกิดการยิงปะทะด้วยอาวุธหนักนานกว่า 1 ชั่วโมง ที่บริเวณสนามกีฬาบ้านส่งซี่เมี่ยน อำเภอซูการี จังหวัดเมียวดี ฝั่งตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ห่างแนวชายแดนไทยไปไม่ถึง 1กิโลเมตร รวมถึงทหารเมียนมาจากฐานทิบาโบ ซึ่งเป็นฐานขนาดใหญ่ ก็ได้ระดมยิงอาวุธหนักเข้าช่วยเหลือทหารเมียนมาด้วย เกิดเสียงระเบิดดังไปทั่วแนวชายแดน ทำให้ชาวบ้าน หมู่บ้านมอเกอไทย ซึ่งเป็นหมู่บ้านฝั่งไทยที่ติดกับพื้นที่ยิงปะทะ เตรียมความพร้อมไปอยู่ในหลุมหลบภัย ขณะที่ผู้อำนวยการโรงเรียน มอเกอไทย เผยว่า วันนี้เปิดเรียนตามปกติแต่มีเด็กมาเรียนน้อย เนื่องจากผู้ปกครองส่วนใหญ่เกรงเรื่องความปลอดภัยจึงให้บุตรหลานหยุดเรียน โดยมีทหารชุดเฉพาะกิจราชมนู เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านมอเกอ […]

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.-มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

paper with statement supports Harvard

ม.ฮาร์วาร์ดแสดงพลังหนุนนักศึกษาต่างชาติ

เคมบริดจ์ 28 พ.ค.- นักศึกษาและคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังของสหรัฐ ชุมนุมแสดงพลังสนับสนุนนักศึกษาต่างชาติ และเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยยืนหยัดท่ามกลางแรงกดดันจากรัฐบาลกลาง การชุมนุมเมื่อวานนี้มีขึ้นที่ด้านนอกมหาวิทยาลัย ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ นักศึกษาและอาจารย์หลายคนผลัดกันขึ้นพูดบนโต๊ะที่ใช้เป็นเวทีชั่วคราว ประธานนักศึกษาชุมชนชาวยิวในฮาร์วาร์ดกล่าวว่า กระแสต่อต้านชาวยิวเป็นปัญหาในฮาร์วาร์ดและปัญหาของสหรัฐมายาวนาน แต่นโยบายของรัฐบาลไม่ช่วยแก้ปัญหานี้เลย ขณะที่อาจารย์รัฐศาสตร์คนหนึ่งกล่าวว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการล้มมหาวิทยาลัยที่ยืนหยัดเรื่องการมีความคิดและการแสดงออกอย่างเสรี เพราะเป็นสิ่งที่ขวางทางเผด็จการ และในวันเดียวกัน สำนักงานบริหารงานบริการทั่วไปได้สั่งการให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางทบทวน และอาจยกเลิกสัญญาที่เหลืออยู่กับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งประเมินว่ามีมูลค่าราว 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,270 ล้านบาท) หลังจากที่ได้ยกเลิกเงินให้เปล่าด้านการวิจัยมูลค่าเกือบ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 98,150 ล้านบาท) ไปแล้ว รวมทั้งเพิกถอนสิทธิ์ในการรับนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งมีอยู่ราว 6,800 คน คิดเป็นร้อยละ 27 ของนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด.-816(814).-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]