ฝ่ายค้านซักฟอก “อัลไพน์-เขากระโดง” โยงเป็นดีลบาปแลกที่ธรณีสงฆ์​

รัฐสภา​24 มี.ค.-ฝ่ายค้าน ลากอัลไพน์-เขากระโดง เข้าซักฟอก​ โยงเป็นดีลบาปแลกที่ธรณีสงฆ์​ “จุลพงษ์” ซัดใช้อำนาจ นายกฯ หวังฮุบที่ดิน ชี้รู้เห็นเป็นใจแค่ละครแบ่งผลประโยชน์

นายจุลพงษ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีว่า นายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรมร่วมสมคบคิดกับคนในครอบครัว ใช้อิทธิพลทางการเมืองของบิดาเพื่อให้ที่ธรณีสงฆ์ที่บริษัท อัลไพน์กอล์ฟแอนด์สปอร์ตคลับ จำกัด ที่ยึดถืออยู่ไม่ต้องคืนเป็นที่ดินของวัด หลังจากที่นางสาวแพทองธาร ได้ถือหุ้นแทนบิดาในบริษัทดังกล่าวมาระยะหนึ่ง ก็ได้เข้ามาเป็นกรรมการบริษัทดังกล่าวในช่วงปี 59-67 และนางสาวแพทองธาร ก็ทราบดีว่าที่ดินสนามกอล์ฟของบริษัทเป็นที่ธรณีสงฆ์ ที่ควรต้องคืนกลับให้วัดหลังจากมีคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลอาญาทุจริต แต่ ไม่เคยแสดงเจตนาที่จะทำเรื่องนี้ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ฉวยโอกาสให้บริษัทของตัวเองประกอบธุรกิจสนามกอล์ฟเพื่อแสวงหากำไรจากที่ดินของวัด เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อเป็นนายกฯ ก็ใช้อำนาจหน้าที่กับข้าราชการเพื่อฮุบที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ต่อให้นานที่สุด


นายจุลพงษ์​ กล่าวว่า ตอนนี้นายกฯ ยังนำเรื่องสนามกอล์ฟมาต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อจะได้ค่าชดเชยจากกรมที่ดินกว่า 7 พันล้านกว่าบาท จากการที่ถูกเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ของวัดหากจะต้องโอนที่ดินคืนให้แก่วัด ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวของนางสาวแพทองธาร แสดงให้ประจักษ์ชัดว่า เป็นบุคคลที่ไร้ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไร้ธรรมมาภิบาล เห็นประโยชน์ส่วนตัวและบุคคลในครอบครัวมากกว่าผลประโยชน์สาธารณะในทางศาสนาของการเป็นที่ธรณีสงฆ์ จึงทำให้ตนไม่สามารถไว้วางใจให้ท่านเป็นนายกฯ ได้อีกต่อไป ซึ่งสิ่งที่ทำให้ตนต้องเอาเรื่องสนามกอล์ฟอัลไพน์ที่เกิดตั้งแต่ปีมะโว้ มาอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ นั้น เพราะเรื่องมีปัญหาไม่จบไม่สิ้น ปัญหาคาราคาซังมานานจนถึงทุกวันนี้ เพราะมีการช่วยเหลือเอื้อประโยชน์กัน เพื่อไม่ให้ที่ธรณีส่งกลับเป็นของวัด และนายกฯ กับบุคคลในครอบครัวก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน​ เป็นพฤติกรรมดีลบาปแลกที่ธรณีสงฆ์

นายจุลพงษ์ อภิปรายว่า ช่วงแรกที่เข้าไปซื้อหุ้นบริษัทอัลไพน์บิดาของนายกฯไม่ได้ถือหุ้นบริษัทอัลไพน์ไว้เอง แต่บิดานายกฯ ซุกหุ้นเอาไว้กับคนใช้ คนขับรถ และรปภ. เป็นนอมินีถือหุ้นแทนเท่ากัน เรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากที่บิดานายกฯถูกเปิดโปงเรื่องซุกหุ้น จนโดนป.ป.ช. ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ บิดาของนายกฯก็เลยโอนหุ้นจากนอมินีสามคน ให้กับนายกฯ พี่สาวนายกฯ และแม่นายกฯ เท่าๆกันในปี 44 ได้จ่ายเงินซื้อหุ้นบริษัทอัลไพน์ฯ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาทแล้วหรือไม่ หรือเอามาฟรีเพื่อเป็นนอมินีให้กับบิดา และเมื่อนายกฯถือหุ้น บริษัทอัลไพน์ฯ ก็เท่ากับว่าเป็นเจ้าของที่ธรณีสงฆ์ที่เป็นสนามกอล์ฟไปด้วย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่ออภิปรายถึงช่วงนี้ สส. เพื่อไทย ประท้วงเป็นระยะ ว่าผู้ที่อภิปรายอยู่นั้นอภิปรายเยิ่นเย้อ เช่น น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น

จากนั้นนายจุลพงษ์ อภิปรายต่อว่า ผู้สอบบัญชีบริษัทอัลไพน์ฯ ได้ทำบันทึกในหมายเหตุประกอบการทุกปีว่าที่ดินของบริษัทที่ได้รับการโอนขายมรดกของคุณยายเนื่อม มีปัญหามาโดยตลอด และมีการระบุอย่างชัดเจนในหมายเหตุท้ายงบการเงินว่าที่ดินบริษัทอัลไพน์ฯ นั้นรับการจดทะเบียนโอนที่ดินมรดกจากมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย มีบันทึกผู้สอบบัญชีอีกว่า คำสั่งของรองปลัดกระทรวงมหาดไทยออกคำสั่งโดยทุจริต มีการอ้างคำพิพากษาของศาลอาญาทุจริตลงโทษอาญารักษาราชการปลัดกระทรวงมหาดไทย และยังมีลายเซ็นนายกฯ กำกับหมายเหตุประกอบท้ายการเงิน และงบการเงินทุกหน้า ดังนั้น นายกฯต้องรู้ดีและรู้อยู่แก่ใจ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องรู้ว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ แต่ก็ยังอยากฮุบที่ดินมาเป็นของตัว และครอบครัว และจากตอนนั้นมาถึงตอนนี้มีความพยายามฮุบที่ดินของวัดมาเป็นของตัวเองต่อไป รวมถึงมีการใช้อำนาจ และความเตะถ่วงการเพิกถอนการโอนที่ดินจนถึงทุกวันนี้ และท้ายที่สุดก็ถูกนำมาเป็นเครื่องมือต่อรองแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างกลุ่มการเมืองในรัฐบาลชุดนี้

นายจุลพงษ์ กล่าวว่า กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ก็คิดค่าเสียหายรอไว้แล้ว สอดคล้องกับที่บิดาของนายกฯ บอกว่า รำคาญ เพิกถอนการโอนเมื่อไหร่ก็จ่ายค่าเสียหายมา ซึ่งตอนนี้คงจะกำลังรอเจรจาต่อรองกันว่าจะเอาอย่างไรกับที่ดิน อีกแห่งหนึ่งของพรรคร่วมรัฐบาล ที่คาราคาซังไม่ลงรอยกันมาเป็นปีคือพรรภูมิใจไทย เป็นที่ประจักษ์ของสังคมมาหลายเดือนแล้วซึ่งเรื่องหนึ่งที่เอามาเจรจาต่อรองกันคือเรื่องที่ดินอัลไพน์ กับที่ดินเขากระโดงของตระกูลชิดชอบ หรือเป็นละครฉากหนึ่งของการแบ่งผลประโยชน์ระหว่าง 2 พรรคการเมือง


นายจุลพงษ์ กล่าวว่า หากมีใครหน้าไหนมาเสนอในลักษณะยื่นหมูยื่นแมว ประเคนเงินภาษีของประชาชนไปชดเชยให้กับครอบครัวของนายกฯ ที่ต้องคืนที่ดินอัลไพน์ให้กับวัด แลกกับไม่ต้องเพิกถอนที่ดินเขากระโดงเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ เรายอมให้เอาเปรียบประชาชนไม่ได้เด็ดขาด และย้ำว่าของคุณยายเนื่อมที่ยกให้วัดเป็นที่ธรณีสงฆ์ ไม่สามารถโอนให้ใครได้นอกจากออกเป็นพระราชบัญญัติ ฉะนั้น บริษัทอัลไพน์ฯ จึงไม่สามารถรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์จากมูลนิธิได้ตามหลักกฎหมายผู้รับโอนไม่มีสิทธิ์ดีกว่าผู้โอน และการซื้อที่ดินของบริษัทอัลไพน์ฯจากมูลนิธิในครั้งแรก จะเห็นได้ว่าเป็นการวางแผนทำที่ดินวัด ทำเป็นธุรกิจ มีการวิ่งเต้นกับพระ และสร้างพล็อตเรื่องไม่อนุญาตให้วัด รับโอนที่มรดกของคุณยายเนื่อมมาเป็นของวัด จนมูลนิธิมีความจำเป็นต้องขายที่ดินมรดกให้คุณยายเนื่อม ให้บริษัทอัลไพน์ฯที่คนเตรียมไว้ แต่ต่อมาทั้งกฤษฎีกาและศาลได้ชี้ว่าเป็นการโอนที่ผิดกฎหมาย ซึ่งนายกฯ ก็รู้ว่าที่ดินอัลไพน์ มีปัญหากฎหมายเพราะเป็นที่ธรณีส่งมาโดยตลอด ตนจึงขอเรียนว่านายกฯ และครอบครัวไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิ์ไปเรียกร้องค่าเสียหายจากกรมที่ดิน ซึ่งตัวอย่างปัญหาด้านที่ดินเป็นปัญหาที่ใหญ่ เรื่องที่ดินของรัฐ ที่ชาวบ้านที่ยากจนอยู่อาศัยและทำมาหากินมาหลายปี ชาวบ้านถูกขับไล่ ถูกดำเนินคดีต้องติดคุกติดตาราง แต่กรณีที่เขากระโดงและสนามกอล์ฟอัลไพน์ นายกฯ กลับลอยไปลอยมาเพราะเอาอำนาจมาต่อรอง เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและครอบครัวจนถึงที่สุด และถ้านายกฯไม่เห็นด้วยกับครอบครัวก็ต้องห้ามไม่ให้ไปฟ้อง และคืนที่ดินให้กับวัด แต่นายกฯ กลับนิ่งเฉย แสดงว่ายังต้องการยึดที่วัดไว้ต่อไปให้นานที่สุด

“เมื่อนางสาวแพทองธาร มาเป็นนายกรัฐมนตรี แทนที่จะสั่งการให้ถูกต้องกลับยังรู้เห็นเป็นใจเรื่อยมา และที่ร้ายกว่านั้นก็ยังจงใจเพิกถอนให้หน่วยงานของรัฐ ละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและคำพิพากษาของศาลมาโดยตลอด นายกฯคนนี้ยังต้องการเอาเงินภาษีของประชาชนมาจ่าย เป็นค่าเสียหายให้กับตนเองและบุคคลในครอบครัว ช่างเป็นเวรกรรมของคนไทย เมื่อนายกฯ ยังแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัว ครอบครัว และผลประโยชน์ส่วนรวม ไม่ได้ จึงไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ ปล่อยประละเลยการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีไร้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดินและไร้ความสามารถในการเป็นผู้นำรัฐบาล ดังนั้น ผมจึงไม่สามารถไว้วางใจนายกฯ ให้บริหารราชการแผ่นดินได้ต่อไป” นายจุลพงษ์​ กล่าว.-319.-สำนักข่าวไทย​

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดรายชื่อทหาร 3 นาย บาดเจ็บ เหยียบกับระเบิด

สุรินทร์ 27 ส.ค.-เปิดรายชื่อทหาร 3 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บ เหยียบกับระเบิด บริเวณเนิน 350 ใกล้ปราสาทตาควาย ขณะออกลาดตระเวน เมื่อวันที่ 27 ส.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการที่ หน่วยทหารจาก พัน.ร.22 ได้จัดกำลังพลออกลาดตระเวนระหว่างฐานปฏิบัติการ บริเวณหน้าบังเกอร์ 11-12 ด้านทิศตะวันตกของปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้เหยียบกับระเบิดแสวงเครื่องชนิด PMN-2 ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1.พลทหาร อดิสร ป้อมกลาง สังกัดสนาม มว.3 ร้อย.ร.221 บาดเจ็บข้อเท้าขวาขาด ขณะนี้อยู่ระหว่างลำเลียงทางอากาศจาก รพ.พนมดงรัก ไปยัง รพ.สุรินทร์ พร้อมชุด Sky Doctor2.จ.ส.อ. ณัฐพงศ์ สีชิน สังกัดสนาม มว.3 ร้อย.ร.221 ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่แผ่นหลัง อาการบาดเจ็บเล็กน้อย ส่งกลับเข้ารับการรักษาที่ รพ.พนมดงรัก3.พลทหาร ธรรณ์ณธร เทากระโทก สังกัดสนาม มว.3 […]

มทภ.2 ประณามกัมพูชา หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิด

กทม. 27 ส.ค.- มทภ.2 ประณามกัมพูชา ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง-อนุสัญญาออตตาวาไม่หยุด หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดข้อเท้าขาด 1 นาย ชี้ทุ่นระเบิดมีโครงสร้างพลาสติก เครื่องตรวจหาไม่เจอ เมื่อวันที่ 26 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวประณามกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและอนุสัญญาออตตาวา ต่อเนื่อง หลังวันนี้ เวลาประมาณ 15.45 น. เกิดเหตุ พลทหาร อดิศร ป้อมกลาง สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 เหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บ บริเวณขาขวาท่อนล่างขาด หน่วยในพื้นที่ได้เข้าดำเนินการช่วยเหลือ และนำส่งเพื่อรับการรักษาแล้ว พล.ท.บุญสิน ระบุว่า เนิน 350 ปราสาทตาควาย เป็นพื้นที่ที่ทหารกัมพูชาวางกำลังหนาแน่น และมีทุ่นระเบิดรอบพื้นที่ โดยวันนี้ทหารไทยออกลาดตระเวน ซึ่งเครื่องตรวจวัตถุระเบิดตรวจหาไม่เจอ เนื่องจากทุ่นระเบิดดังกล่าวโครงสร้างเป็นพลาสติก คาดเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่ เบื้องต้นได้ทำหนังสือประท้วงไปทางฝ่ายกัมพูชาแล้ว และเตรียมกำหนดแผนทางการทหารต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

“อดีต ผอ.ขนมจีนน้ำปลา” นอนคุก 20 ปี 60 เดือน หลังศาลฎีกายกคำร้องลดโทษ

สุราษฎร์ธานี 27 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้องลดโทษ ปิดคดีอดีต ผอ.โรงเรียนบ้านท่าใหม่ จ.สุราษฎร์ธานี ปมให้เด็กอนุบาลกินขนมจีนราดน้ำปลา หลังสู้นาน 5 ปี สุดท้ายรับโทษจำคุก 20 ปี 60 เดือน นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 8 เป็นประธานแถลงผลคดีที่กล่าวหาอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าใหม่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ทุจริตเงินอุดหนุนค่าอาหารกลางวันนักเรียนของโรงเรียนบ้านท่าใหม่ ให้เด็กอนุบาลกินขนมจีนราดน้ำปลา และจัดทำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการจัดซื้อวัสดุเครื่องบริโภคเพื่อประกอบอาหารกลางวันเป็นเท็จ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2563 และได้ส่งไปให้อัยการสูงสุด ฟ้องผู้ถูกกล่าวหาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 และมีคำพิพากษาให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด รวม 77 กระทง จำคุก 192 ปี 6 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุก 50 ปี ซึ่งอดีต ผอ.คนดังกล่าว ได้ยื่นอุทรณ์ขอลดโทษ ภายหลังศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน […]

ยังไม่พบผู้เสียหายและทำผิดกฎหมาย จากกรณีสแกนม่านตาแลกรับเงิน

ทำเนียบ 27 ส.ค.-รองโฆษกรัฐบาล เผยตรวจสอบล่าสุดยังไม่พบผู้เสียหายและทำผิดกฎหมาย จากกรณีสแกนม่านตาแลกรับเงิน เตือนประชาชนอย่าประมาท นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่ได้ระบุถึงจากข้อมูลของสภาองค์กรของผู้บริโภคที่มีการรายงานว่าพบการชักชวนให้ประชาชนสแกนม่านตาแลกรับเงิน 500-1,000 บาท ในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย โดยอ้างถึงว่าจะไปแลกเหรียญคริปโต ซึ่งผู้ที่สแกนม่านตาจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินรายละ 1,000 บาท ภายใน 24 ชั่วโมง ขณะที่ผู้แนะนำสมาชิกจะได้รับเงิน 500 บาทต่อราย สูงสุดไม่เกิน 10 ราย ล่าสุดมีความคืบหน้าว่า สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) ตรวจสอบของตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า การดำเนินงานของผู้ให้บริการในปัจจุบันถูกต้องตามกฎหมาย และคล้ายกับการดำเนินการในหลายประเทศ ในปัจจุบัน และได้มีการเตรียมประสานกระทรวงดีอีและหน่วยงานอื่นหามาตราการควบคุมข้อมูลอ่อนไหว และยังไม่พบผู้เสียหายหรือกระทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้หากพบการละเมิดหรือนำข้อมูลไปใช้ในทางมิชอบ จะดำเนินคดีทันที นายอนุกูล กล่าวว่า เพื่อสร้างความตระหนักรู้เท่าทันต่อความสำคัญของความปลอดภัยที่เหมาะสม รัฐบาลขอย้ำว่า ข้อมูลส่วนบุคคลทางชีวภาพ ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลขั้นสูงสุด การยินยอมให้เก็บ หรือสแกนจึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความเสี่ยง ดังนี้ 1. การรั่วไหลของข้อมูล หากข้อมูลรหัส Iris Code […]

ข่าวแนะนำ

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]

พลทหารเหยียบกับระเบิดพื้นที่ปราสาทตาควาย

สุรินทร์ 27 ส.ค.-พลทหารเหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ปราสาทตาควาย ขาขวาท่อนล่างขาด เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 15.45 น. เกิดเหตุ พลทหาร อดิศร ป้อมกลาง สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 เหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ปราสาทตาควาย เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บ บริเวณขาขวาท่อนล่างขาด หน่วยในพื้นที่ได้เข้าดำเนินการช่วยเหลือ และนำส่งเพื่อรับการรักษาแล้ว รายละเอียดอื่นๆ จะรายงานให้ทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย