“ภูมิธรรม” สั่งระงับจ่ายไฟฟ้าชายแดน ยันไม่ต้องเข้า ครม.

ระงับจ่ายไฟ

ทำเนียบ 4 ก.พ.-“ภูมิธรรม” ใช้อำนาจรองนายกฯ ความมั่นคง สั่งระงับจ่ายไฟฟ้าชายแดน ยันทำได้ทันทีไม่ต้องเข้า ครม. พร้อมเปิดระเบียบ กฟภ.สั่งตัดไฟฟ้าเองได้ หากพบกระทบความมั่นคง ลั่นหากหน่วยไหนไม่ทำตาม จะดึงตัวมาช่วยราชการ ชี้ไม่ใช่แม่พระใจดี ที่จะนิ่งเฉยได้ หากเมียนมาไม่ดำเนินการภายใน ก็ต้องรับผลกระทบ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความชัดเจนในการระงับการจ่ายไฟฟ้า บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาว่า การทำสัญญาการขายไฟฟ้าเกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 และ 2537 ซึ่งสามารถขายไฟฟ้าตามแนวชายแดนได้ โดยการทำสัญญาขายไฟฟ้าครั้งแรกได้นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แต่ครั้งที่สองไม่ต้องนำเข้าที่ประชุม ครม. ดังนั้นการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. มีอำนาจ ตามระเบียบของ กฟภ.


จากนั้นนายภูมิธรรม ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านระเบียบของ กฟภ.ที่ระบุในเรื่องของการระงับการจ่ายไฟฟ้า หรือการยกเลิกการจำหน่ายไฟฟ้า กฟภ.สามารถดำเนินการได้เองตามสัญญา โดยไม่ต้องเสนอให้ที่ประชุม ครม. อนุมัติ และไม่ต้องเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานเพื่อทราบ ซึ่งสัญญาที่ กฟภ.ได้ไปเซ็นไว้เป็นสัญญาการซื้อขายกับบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) ที่ได้ส่งมอบไฟฟ้าไปยังเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน สหภาพเมียนมา และยังปรากฏในหนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 31 มกราคม 2568 ว่า ยังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไปยังสหภาพเมียนมาอีก 4 ฉบับ รวมการซื้อขายไฟฟ้าทั้งหมดจำนวน 5 จุด ซึ่งหากดูตามสัญญาที่มีอยู่ในข้อ 12.1 ผู้ซื้อยินยอม ปฏิบัติตามข้อกำหนด และระเบียบของ กฟภ. ที่เกี่ยวกับการจำหน่ายไฟฟ้า ให้กับประชาชน ทั้งที่บังคับใช้ในปัจจุบัน และในอนาคต เพราะฉะนั้นหากผู้ซื้อไม่ปฏิบัติตามสัญญา ในข้อที่ 13 หรือปฏิบัติผิดเงื่อนไขในสัญญาข้อหนึ่งข้อใด ผู้ซื้อจะยินยอมให้ กฟภ. งดจ่ายไฟฟ้า หรือบอกยกเลิกสัญญาได้ ซึ่งตรงนี้มีอำนาจที่จะดำเนินการได้

ทั้งนี้ในกรณีที่ กฟภ. ไม่สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าแก่ผู้ซื้อได้ เช่น การขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า, ความจำเป็นเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย, ความมั่นคงของประเทศ ตลอดจนผู้ซื้อกระทำการใด ๆ อันมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศ กฟภ. อาจจะงดจ่ายพลังงานไฟฟ้า ทั้งหมดหรือบางส่วนได้ ซึ่งผู้ซื้อไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ ได้ โดยเป็นไปตามระเบียบการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคว่าด้วยการใช้ไฟฟ้าและบริการ พ.ศ.2562 ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา


นอกจากนี้เท่าที่ดูในข้อ 51.1.1 กฟภ.สามารถงดจ่ายไฟฟ้าได้ หากพิจารณาเห็นว่า การจ่ายไฟฟ้านั้นส่งผลต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ เห็นว่าการใช้ไฟฟ้า ส่งผลต่อความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของประเทศขนาดนี้ ถือว่า มีปัญหาหรือยัง เพราะถ้าดูจากข้อมูลกรณีของแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่เป็นปัญหาอยู่ขณะนี้ มีคนไทยถูกหลอกเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือว่า เป็นปัญหาของความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของประเทศ ที่ครอบคลุมความมั่นคงในหลายมิติ รวมทั้งความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ดังนั้นหากพบข้อมูลว่า ผู้ซื้อไฟฟ้าจาก กฟภ. นำไฟฟ้าไปจำหน่ายให้กับแก๊วคอลเซนเตอร์นั้น กฟภ. ก็ต้องใช้สิทธิตามสัญญา ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายไฟฟ้าให้น้อยลง หรือระงับการจ่ายไฟฟ้าได้

นายภูมิธรรม ยังระบุอีกว่า เรื่องนี้ตนเองไม่สบายใจที่มีการโยนกันไปโยนกันมา ที่บอกว่า หากไม่สั่งการมาก็จะดำเนินการไม่ได้ อันนี้ก็บอกไม่รู้ ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร ทั้ง ๆ ที่พอจะมีข้อมูลสืบทราบว่า มีปัญหา โดยเมื่อวานนี้ตนเองก็สั่งให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ในฐานะหน่วยงานปฏิบัติ ให้เรียก กฟภ. มาพูดคุย รวมไปถึงกระทรวงการต่างประเทศ, ตำรวจ และทหาร ที่ได้ข้อสรุปยืนยันว่า เรื่องนี้กระทบต่อความมั่นคง และ สมช. ก็กำลังทำหนังสือแจ้งไปที่ กฟภ.

นายภูมิธรรม ยังย้ำว่า เรื่องนี้มีปัญหาที่กระทบต่อความมั่นคง และ สมช. ได้ชี้ข้อมูลแล้ว ซึ่งความเป็นจริงไม่ต้องรอให้ สมช.ชี้ข้อมูล เพราะ กฟภ. หากเห็นว่า มีผลกระทบ และตนเองก็ได้รับรายงานว่า ในพื้นที่ดังกล่าวมีการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้นผิดปกติ ซึ่งการพบข้อมูลที่มีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซนเตอร์ ก็ควรจะเข้าไปดำเนินการ ไม่ใช่จะสนใจที่จะขายไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ดังนั้นตนเองคิดว่า การค่อย ๆ ตัดไฟฟ้าอาจจะช้าเกินไป เพราะมีปัญหารุนแรงแล้ว


นายภูมิธรรม ระบุว่า วันนี้ตนเองจะสั่งการให้แจ้งกับ กฟภ. ว่า ต้องไปดำเนินการเพื่อตัดไฟฟ้าทันที เพราะเรื่องนี้รุนแรง ไม่ใช่มารอโยกไปโยกมา เหมือนที่กำลังเกิดขึ้น ให้แจ้ง กฟภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากผู้บังคับงานหน่วยไหน หรือส่วนไหน หากไม่ปฏิบัติให้เกิดผลโดยทันที ตนจะสั่งให้ยืมตัวมาช่วยราชการ

นายภูมิธรรม ยังย้ำอีกว่า เรื่องนี้ไม่ต้องเข้าที่ประชุม ครม. หากยังดำเนินการล่าช้า และไม่เร่งปฏิบัติ ตนจะยืมตัวมาช่วยราชการ จึงขอให้ไปพิจารณาว่าจะจัดการอย่างไร และจะจัดการแค่ไหน

ส่วนกรณีที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางมาเข้าพบตัวเองในวันนี้ ก็คาดว่า น่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน และในวันพฤหัสนี้ตนจะลงพื้นที่ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และจะไปเจอกับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร เพราะอยากไปฟังข้อเท็จจริงว่า เป็นอย่างไร แต่การลงพื้นที่ไม่ได้ไปแค่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว ยังไปดูเรื่องของการป้องกันชายแดนด้วย และเยี่ยมหน่วยกำลังพลที่อยู่ชายแดน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ตนเองดูแลอยู่ ถ้าประสานเข้าไปได้กลับเมียนมา ตนก็จะเข้าไปดู

เมื่อจะตัดไฟฟ้าเฉพาะเมืองมีปัญหาหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ให้ไปดูในรายละเอียด ดำเนินการตามข้อเท็จจริง ตนพูดหลักการให้ฟังเลยว่า ถ้าพบ หรือมีอยู่จริงก็สามารถดำเนินการได้ ถ้าคนในสังคมรับรู้ว่า ตรงนี้เป็นอย่างไร แล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่รับรู้ก็ต้องมีการตรวจสอบกัน

เมื่อถามย้ำว่า สามารถดำเนินการตัดไฟฟ้าได้ทันทีเลยหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า เดี๋ยวรอคำสั่งตนออก ผมสามารถตัดเองได้ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ไม่ต้องรอให้ถึง ครม. ขอให้ดำเนินการทันที ให้เห็นผลเกิดเป็นรูปธรรม ที่มั่นใจได้ว่า เรื่องนี้ เราได้มีการดำเนินการ และคงต้องคุยกับกระทรวงการต่างประเทศว่า ต้องทำหน้าที่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องรอให้กระทรวงการต่างประเทศไปเจรจาก่อน เพราะเมื่อสั่งไปแล้วก็ไปดูการปฏิบัติว่า ใครทำตามหน้าที่ไม่ปล่อยปะละเลย ก็โอเค ใครที่รู้สึกว่า ยังต้องรอโน่นรอนี่ ก็ค่อยใช้มาตรการที่เด็ดขาด

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาการไฟฟ้าก็มีอำนาจในการตัด มองว่ามีปัจจัยอะไรถึงไม่ดำเนินการ นายภูมิธรรมระบุว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้ว และสั่งการแล้วให้ดำเนินการ หากไม่ดำเนินการก็มีปัญหา ไม่ต้องถามว่าเป็นเพราะอะไร อย่ามัวแต่สนใจขายไฟฟ้าอย่างเดียว เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเกิดความเสียหาย มากกว่าไฟฟ้าที่ขายได้ พร้อมระบุอีกว่า ไม่มีนอกไม่มีใน ขอให้ไปจัดการเรื่องนี้ให้จบ

เมื่อถามว่า หากยังพบว่า ยังมีการปล่อยเกียร์ว่างนอกจากจะให้ยืมตัวมาช่วยราชการแล้ว จะมีการดำเนินการเด็ดขาดอะไรอีกหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า การช่วยราชการก็ถือว่า หนักแล้ว ส่วนอย่างอื่นจะเป็นอย่างไรเดี๋ยวไปดูกัน พร้อมย้ำว่า เรื่องตัดไฟฟ้าขอให้ไปดูตามความเป็นจริง ตนสั่งการว่า เรื่องนี้ชัดเจน และมีปัญหา เมื่อทราบแล้วก็ต้องดำเนินการตามมาตรการให้เห็นชัดเจนว่า พยายามทำอะไรที่จะแก้ไขปัญหาไม่ใช่บอกว่า อันนี้ไม่ได้ ต้องรอคนนั้นคนนี้ ต้องจัดการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปเกี่ยวเรื่องไหนก็ต้องจัดการเรื่องนั้น

ส่วนที่เมืองเมียวดีมีการซื้อไฟฟ้าจากไทยถึง 90% หากตัดไฟฟ้าจะทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า เขาต้องควบคุมพื้นที่ของเขา หากปล่อยให้พื้นที่เหล่านั้น เป็นพื้นที่ที่สร้างปัญหาให้กับประเทศ เขาก็ต้องรับผิดชอบด้วยต้องอย่างนี้ พวกคุณต้องจัดการทันที ต้องจัดการสิ่งเรานั้นให้จบ หากไม่จบก็ต้องรับผล เราไม่ใช่แม่พระใจดี ที่ส่งไปแล้ว ทำอะไรกับเรา แต่เรานิ่งเฉย.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]