“ภูมิธรรม” สั่งระงับจ่ายไฟฟ้าชายแดน ยันไม่ต้องเข้า ครม.

ระงับจ่ายไฟ

ทำเนียบ 4 ก.พ.-“ภูมิธรรม” ใช้อำนาจรองนายกฯ ความมั่นคง สั่งระงับจ่ายไฟฟ้าชายแดน ยันทำได้ทันทีไม่ต้องเข้า ครม. พร้อมเปิดระเบียบ กฟภ.สั่งตัดไฟฟ้าเองได้ หากพบกระทบความมั่นคง ลั่นหากหน่วยไหนไม่ทำตาม จะดึงตัวมาช่วยราชการ ชี้ไม่ใช่แม่พระใจดี ที่จะนิ่งเฉยได้ หากเมียนมาไม่ดำเนินการภายใน ก็ต้องรับผลกระทบ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความชัดเจนในการระงับการจ่ายไฟฟ้า บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาว่า การทำสัญญาการขายไฟฟ้าเกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 และ 2537 ซึ่งสามารถขายไฟฟ้าตามแนวชายแดนได้ โดยการทำสัญญาขายไฟฟ้าครั้งแรกได้นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แต่ครั้งที่สองไม่ต้องนำเข้าที่ประชุม ครม. ดังนั้นการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. มีอำนาจ ตามระเบียบของ กฟภ.


จากนั้นนายภูมิธรรม ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านระเบียบของ กฟภ.ที่ระบุในเรื่องของการระงับการจ่ายไฟฟ้า หรือการยกเลิกการจำหน่ายไฟฟ้า กฟภ.สามารถดำเนินการได้เองตามสัญญา โดยไม่ต้องเสนอให้ที่ประชุม ครม. อนุมัติ และไม่ต้องเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานเพื่อทราบ ซึ่งสัญญาที่ กฟภ.ได้ไปเซ็นไว้เป็นสัญญาการซื้อขายกับบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) ที่ได้ส่งมอบไฟฟ้าไปยังเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน สหภาพเมียนมา และยังปรากฏในหนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 31 มกราคม 2568 ว่า ยังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไปยังสหภาพเมียนมาอีก 4 ฉบับ รวมการซื้อขายไฟฟ้าทั้งหมดจำนวน 5 จุด ซึ่งหากดูตามสัญญาที่มีอยู่ในข้อ 12.1 ผู้ซื้อยินยอม ปฏิบัติตามข้อกำหนด และระเบียบของ กฟภ. ที่เกี่ยวกับการจำหน่ายไฟฟ้า ให้กับประชาชน ทั้งที่บังคับใช้ในปัจจุบัน และในอนาคต เพราะฉะนั้นหากผู้ซื้อไม่ปฏิบัติตามสัญญา ในข้อที่ 13 หรือปฏิบัติผิดเงื่อนไขในสัญญาข้อหนึ่งข้อใด ผู้ซื้อจะยินยอมให้ กฟภ. งดจ่ายไฟฟ้า หรือบอกยกเลิกสัญญาได้ ซึ่งตรงนี้มีอำนาจที่จะดำเนินการได้

ทั้งนี้ในกรณีที่ กฟภ. ไม่สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าแก่ผู้ซื้อได้ เช่น การขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า, ความจำเป็นเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย, ความมั่นคงของประเทศ ตลอดจนผู้ซื้อกระทำการใด ๆ อันมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศ กฟภ. อาจจะงดจ่ายพลังงานไฟฟ้า ทั้งหมดหรือบางส่วนได้ ซึ่งผู้ซื้อไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ ได้ โดยเป็นไปตามระเบียบการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคว่าด้วยการใช้ไฟฟ้าและบริการ พ.ศ.2562 ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา


นอกจากนี้เท่าที่ดูในข้อ 51.1.1 กฟภ.สามารถงดจ่ายไฟฟ้าได้ หากพิจารณาเห็นว่า การจ่ายไฟฟ้านั้นส่งผลต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ เห็นว่าการใช้ไฟฟ้า ส่งผลต่อความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของประเทศขนาดนี้ ถือว่า มีปัญหาหรือยัง เพราะถ้าดูจากข้อมูลกรณีของแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่เป็นปัญหาอยู่ขณะนี้ มีคนไทยถูกหลอกเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือว่า เป็นปัญหาของความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของประเทศ ที่ครอบคลุมความมั่นคงในหลายมิติ รวมทั้งความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ดังนั้นหากพบข้อมูลว่า ผู้ซื้อไฟฟ้าจาก กฟภ. นำไฟฟ้าไปจำหน่ายให้กับแก๊วคอลเซนเตอร์นั้น กฟภ. ก็ต้องใช้สิทธิตามสัญญา ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายไฟฟ้าให้น้อยลง หรือระงับการจ่ายไฟฟ้าได้

นายภูมิธรรม ยังระบุอีกว่า เรื่องนี้ตนเองไม่สบายใจที่มีการโยนกันไปโยนกันมา ที่บอกว่า หากไม่สั่งการมาก็จะดำเนินการไม่ได้ อันนี้ก็บอกไม่รู้ ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร ทั้ง ๆ ที่พอจะมีข้อมูลสืบทราบว่า มีปัญหา โดยเมื่อวานนี้ตนเองก็สั่งให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ในฐานะหน่วยงานปฏิบัติ ให้เรียก กฟภ. มาพูดคุย รวมไปถึงกระทรวงการต่างประเทศ, ตำรวจ และทหาร ที่ได้ข้อสรุปยืนยันว่า เรื่องนี้กระทบต่อความมั่นคง และ สมช. ก็กำลังทำหนังสือแจ้งไปที่ กฟภ.

นายภูมิธรรม ยังย้ำว่า เรื่องนี้มีปัญหาที่กระทบต่อความมั่นคง และ สมช. ได้ชี้ข้อมูลแล้ว ซึ่งความเป็นจริงไม่ต้องรอให้ สมช.ชี้ข้อมูล เพราะ กฟภ. หากเห็นว่า มีผลกระทบ และตนเองก็ได้รับรายงานว่า ในพื้นที่ดังกล่าวมีการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้นผิดปกติ ซึ่งการพบข้อมูลที่มีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซนเตอร์ ก็ควรจะเข้าไปดำเนินการ ไม่ใช่จะสนใจที่จะขายไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ดังนั้นตนเองคิดว่า การค่อย ๆ ตัดไฟฟ้าอาจจะช้าเกินไป เพราะมีปัญหารุนแรงแล้ว


นายภูมิธรรม ระบุว่า วันนี้ตนเองจะสั่งการให้แจ้งกับ กฟภ. ว่า ต้องไปดำเนินการเพื่อตัดไฟฟ้าทันที เพราะเรื่องนี้รุนแรง ไม่ใช่มารอโยกไปโยกมา เหมือนที่กำลังเกิดขึ้น ให้แจ้ง กฟภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากผู้บังคับงานหน่วยไหน หรือส่วนไหน หากไม่ปฏิบัติให้เกิดผลโดยทันที ตนจะสั่งให้ยืมตัวมาช่วยราชการ

นายภูมิธรรม ยังย้ำอีกว่า เรื่องนี้ไม่ต้องเข้าที่ประชุม ครม. หากยังดำเนินการล่าช้า และไม่เร่งปฏิบัติ ตนจะยืมตัวมาช่วยราชการ จึงขอให้ไปพิจารณาว่าจะจัดการอย่างไร และจะจัดการแค่ไหน

ส่วนกรณีที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางมาเข้าพบตัวเองในวันนี้ ก็คาดว่า น่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน และในวันพฤหัสนี้ตนจะลงพื้นที่ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และจะไปเจอกับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร เพราะอยากไปฟังข้อเท็จจริงว่า เป็นอย่างไร แต่การลงพื้นที่ไม่ได้ไปแค่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว ยังไปดูเรื่องของการป้องกันชายแดนด้วย และเยี่ยมหน่วยกำลังพลที่อยู่ชายแดน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ตนเองดูแลอยู่ ถ้าประสานเข้าไปได้กลับเมียนมา ตนก็จะเข้าไปดู

เมื่อจะตัดไฟฟ้าเฉพาะเมืองมีปัญหาหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ให้ไปดูในรายละเอียด ดำเนินการตามข้อเท็จจริง ตนพูดหลักการให้ฟังเลยว่า ถ้าพบ หรือมีอยู่จริงก็สามารถดำเนินการได้ ถ้าคนในสังคมรับรู้ว่า ตรงนี้เป็นอย่างไร แล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่รับรู้ก็ต้องมีการตรวจสอบกัน

เมื่อถามย้ำว่า สามารถดำเนินการตัดไฟฟ้าได้ทันทีเลยหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า เดี๋ยวรอคำสั่งตนออก ผมสามารถตัดเองได้ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ไม่ต้องรอให้ถึง ครม. ขอให้ดำเนินการทันที ให้เห็นผลเกิดเป็นรูปธรรม ที่มั่นใจได้ว่า เรื่องนี้ เราได้มีการดำเนินการ และคงต้องคุยกับกระทรวงการต่างประเทศว่า ต้องทำหน้าที่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องรอให้กระทรวงการต่างประเทศไปเจรจาก่อน เพราะเมื่อสั่งไปแล้วก็ไปดูการปฏิบัติว่า ใครทำตามหน้าที่ไม่ปล่อยปะละเลย ก็โอเค ใครที่รู้สึกว่า ยังต้องรอโน่นรอนี่ ก็ค่อยใช้มาตรการที่เด็ดขาด

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาการไฟฟ้าก็มีอำนาจในการตัด มองว่ามีปัจจัยอะไรถึงไม่ดำเนินการ นายภูมิธรรมระบุว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้ว และสั่งการแล้วให้ดำเนินการ หากไม่ดำเนินการก็มีปัญหา ไม่ต้องถามว่าเป็นเพราะอะไร อย่ามัวแต่สนใจขายไฟฟ้าอย่างเดียว เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเกิดความเสียหาย มากกว่าไฟฟ้าที่ขายได้ พร้อมระบุอีกว่า ไม่มีนอกไม่มีใน ขอให้ไปจัดการเรื่องนี้ให้จบ

เมื่อถามว่า หากยังพบว่า ยังมีการปล่อยเกียร์ว่างนอกจากจะให้ยืมตัวมาช่วยราชการแล้ว จะมีการดำเนินการเด็ดขาดอะไรอีกหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า การช่วยราชการก็ถือว่า หนักแล้ว ส่วนอย่างอื่นจะเป็นอย่างไรเดี๋ยวไปดูกัน พร้อมย้ำว่า เรื่องตัดไฟฟ้าขอให้ไปดูตามความเป็นจริง ตนสั่งการว่า เรื่องนี้ชัดเจน และมีปัญหา เมื่อทราบแล้วก็ต้องดำเนินการตามมาตรการให้เห็นชัดเจนว่า พยายามทำอะไรที่จะแก้ไขปัญหาไม่ใช่บอกว่า อันนี้ไม่ได้ ต้องรอคนนั้นคนนี้ ต้องจัดการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปเกี่ยวเรื่องไหนก็ต้องจัดการเรื่องนั้น

ส่วนที่เมืองเมียวดีมีการซื้อไฟฟ้าจากไทยถึง 90% หากตัดไฟฟ้าจะทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า เขาต้องควบคุมพื้นที่ของเขา หากปล่อยให้พื้นที่เหล่านั้น เป็นพื้นที่ที่สร้างปัญหาให้กับประเทศ เขาก็ต้องรับผิดชอบด้วยต้องอย่างนี้ พวกคุณต้องจัดการทันที ต้องจัดการสิ่งเรานั้นให้จบ หากไม่จบก็ต้องรับผล เราไม่ใช่แม่พระใจดี ที่ส่งไปแล้ว ทำอะไรกับเรา แต่เรานิ่งเฉย.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์พื้นที่ชายแดน

ทำเนียบ 8 ส.ค.- ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะการหยุดยิง ประเมินสถานการณ์ใกล้ชิด เผยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำแต่ละประเทศจะประสานพื้นที่ นำอาเซียนลงติดตามเป็นระยะ ชี้การพูดคุยระดับ RBC เริ่มปลายเดือนนี้ หากเหตุการณ์ปะทุอีก เรียกประชุม GBC สมัยวิสามัญได้ทันที พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงสรุปภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาที่ผ่านมาตรวจพบว่า ฝ่ายกัมพูชา ตรึงกำลังทหารบริเวณชายแดนพื้นที่สำคัญ พร้อมมีการเคลื่อนไหวด้านยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะในบางพื้นที่ ซึ่งฝ่ายไทยจะต้องมีการตรวจตราและติดตามอย่างใกล้ชิด นอกเหนือจากนั้นยังมีการตรวจพบการบินของอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ในบางพื้นที่เช่นเดียวกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายยั่วยุในบางจุด ทางทหารไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มการตรวจตราตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง โฆษก ศบ.ทก. ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ หรือ GBC เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ว่า ได้มีการลงนามข้อตกลง 13 ข้อ โดยเป็นข้อตกลงที่สำคัญและเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะรายละเอียดข้อที่ 1 […]

เด้งนายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ เซ่นจับผับ

ก.มหาดไทย 8 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผยผลปฏิบัติการ “ZERO DRUG” เด้ง นายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เซ่นจับผับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปฏิบัติการ “ZERO DRUG” 8เดือน 8ลุย ที่นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้าตรวจค้นผับย่านรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พบนักท่องเที่ยวอายุต่ำกว่า 20 ปี และตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง 179 คนว่า จะมีการเด้ง 5เสือ สภ. ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ส่วนรายละเอียดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะแถลงอีกครั้ง โดยตามระเบียบของตำรวจถ้ามีการจับกุม ในพื้นที่5 เสือสถานีตำรวจ จะต้องรับผิดชอบ จะมีการย้ายมาประจำที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ขณะที่ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นการแจ้งข่าวจากฝ่ายปกครองหรือไม่ หากไม่มีการแจ้ง กระบวนการของปกครองก็จะต้องมีการย้ายเช่นกัน เมื่อถามว่าปฏิบัติการเมื่อคืนนี้เป็นกำลังร่วมระหว่างฝ่ายปกครอง กับตำรวจหรือเฉพาะฝ่ายปกครอง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่แน่ใจ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถ้าเป็นกองกำลังร่วม ที่ผ่านมาตามธรรมเนียมปฏิบัติ ตำรวจจะไม่ถูกเด้ง นายภูมิธรรมกล่าวว่า คงจะเอาผิดคนที่เกี่ยวข้อง ก็คงมีการจัดการตามระเบียบ […]

“บิ๊กเล็ก” ชี้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นถือว่าดีมากแล้ว เรื่องกับระเบิด จะคุยจนกว่ายอมรับ

ทำเนียบ 8 ส.ค.-“บิ๊กเล็ก” มอบความสำเร็จให้ทีมเจรจา GBC พร้อมขอบคุณประชาชน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาที่อดทน ให้ผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงอนุญาตประชาชนกลับบ้าน ชี้กัมพูชาเมินข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันกำลังตนเอง ย้ำจะนำไปคุยใน GBC และจนกว่าจะยอมรับ จ่อตั้งทีมที่ปรึกษาส่วนตัวดูข้อกฎหมายรอบด้าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำผลสำเร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา หรือ GBC ว่า ขอบคุณทีมคณะเลขานุการ GBC ดำเนินการพูดคุยจนบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น โดยผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เป็นการตกลงแบบทวิภาคี ระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งอาเซียนได้ปล่อยให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน โดยไม่เข้ามาแทรกแซง ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ ขณะที่ในการพูดคุยมีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ได้ปล่อยให้อาเซียนบริหารจัดการกันเอง โดยไม่เข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ถือว่าได้รับคำมั่นจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และมาเลเซียก็ตอบรับคำขอไทย ที่พยายามจะรักษาการพูดคุยระหว่างสองประเทศ เพื่อให้กลไกทวิภาคีดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ไทยประสบผลสำเร็จอีกหนึ่งประการ คือ เป็นอีกครั้งที่กัมพูชายอมพูดคุยทวิภาคี หลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด ส่วนการจะเชื่อใจกัมพูชาได้อย่างไรนั้น พลเอกณัฐพล ย้ำว่า จะใช้แนวทางเดิม […]

ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา ปะทะ “พลโทหญิงมาลี” มั่นใจสวยกว่าการันตีตำแหน่งนางสาวไทย เจ้าตัวลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์ พร้อมยืนยันเคียงข้างประชาชน ให้ข้อเท็จจริง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาคนใหม่ คือ นางสาวปนัดดา วงษ์ผู้ดี เพื่อทำหน้าที่ปะทะกับพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งอย่างน้อยสิ่งที่เราได้เปรียบ ที่ตนเองมั่นใจ คือ ความสวย ที่สวยกว่าแน่นอน เพราะโฆษก ศบ.ทก.เป็นนางสาวไทย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ใช่นางสาวกัมพูชา ซึ่งการทำงานของนางสาวปนัดดา เนื่องจากมีงานมากมาย ปัจจุบันทำงานอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ให้นางสาวปนัดดาช่วยตอบโต้ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งตนเองและทีมงานจะสนับสนุนข้อมูลในการแถลงข่าว ด้าน นางสาวปนัดดา ระบุว่า ที่ตกลงมาทำหน้าที่โฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาในครั้งนี้ เป็นเพราะตนเองอยู่ในพื้นที่มานานและเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เห็นความอดทนของทหาร ในฐานะที่เป็นจิตอาสา จึงอยากเป็นสื่อกลางที่ชัดเจน ที่สามารถคุยกับสื่อมวลชนและประชาชน รวมถึงฝ่ายทหารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง และบอกกับต่างชาติว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยของเราบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทหารได้มีการประชุมกัน […]