กรุงเทพฯ 1 ส.ค. – วันนี้ (1 ส.ค.) คิกออฟลงทะเบียน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป แนะผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน เปิดลงทะเบียนรอบถัดไป 16 ก.ย.-15 ต.ค. 67
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (1 สิงหาคม) ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป จะเป็นวันแรกของการเปิดระบบลงทะเบียนและยืนยันตัวตนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เน้นย้ำการลงทะเบียนของผู้ที่มีสมาร์ทโฟนสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้โดยตรงจากแพลตฟอร์มของระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนทั้งไอโอเอสและแอนดรอยด์
โดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกประชาชนลงทะเบียนโครงการฯ สำหรับผู้ที่มีสมาร์ทโฟน ตั้งจุดให้บริการ (Walk-in) ช่วยลงทะเบียน และสอบถามข้อมูลต่างๆ ใน 4 สถานที่หลักทั่วประเทศ ได้แก่ ศูนย์ดิจิทัลชุมชน ที่ทำการไปรษณีย์ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รวมจำนวน 5,199 จุด ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม-15 กันยายนนี้
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม-15 กันยายน รัฐบาลพร้อมด้วยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ไว้บริการประชาชนผู้มีสมาร์ทโฟน แต่ต้องการความช่วยเหลือในการลงทะเบียนตามระยะเวลาทำการใน 4 สถานที่หลักทั่วประเทศ ได้แก่
1) ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 1,722 ศูนย์
2) ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 1,200 แห่ง (ยกเว้น ไปรษณีย์อนุญาต (เอกชน) และร้านค้าให้บริการ)
3) ธนาคารออมสิน 1,047 แห่ง ทั่วประเทศ
4) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1,238 แห่ง
ขณะที่กลุ่มของผู้ที่ไม่มีสมาร์ตโฟนนั้นจะเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน-15 ตุลาคม 2567 ณ สถานที่ที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งจะมีการแจ้งระบุสถานที่อย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยจะต้องใช้บัตรประชาชนในการใช้จ่าย และต้องตรวจสอบคุณสมบัติสถานะบุคคลตามทะเบียนบ้าน
แอปฯ ‘ทางรัฐ’ ไม่ล่ม แค่ปิดรีเซ็ตระบบ
ขณะเดีย;กัน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงปัญหาแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ล่ม เมื่อเช้าวานนี้ (31 ก.ค.) ว่าตอนนี้อยู่ในช่วงการพัฒนาระบบ และในช่วงเวลา 19.00-22.00 น.ที่ผ่านมา แอปพลิเคชันทางรัฐจะมีการรีเซ็ตเวอร์ชั่น ให้มีการเชื่อมต่อกับระบบทะเบียนราษฎร์ และระบบทุกอย่างจะพร้อมในเวลา 08.00 น. ของวันนี้ (1 ส.ค.)
วันนี้จะมีปุ่ม “ยืนยัน“ ขึ้นมา เพราะขณะนี้แอปพลิเคชันทางรัฐยังไม่ระบบรอคิว จึงต้องมีการรีเซ็ตระบบในช่วงเวลาดังกล่าว ส่งผลให้ระบบจะถูกปิดไป แต่ไม่ใช่ระบบล่ม เมื่อประชาชนเข้ามาในแอปพลิเคชันทางรัฐ จะถูกคิวลิ่งเข้าไปในระบบทะเบียนราษฎร์เพื่อตรวจสอบข้อมูลว่าถูกต้องหรือไม่ และย้ำว่าไม่ใช่การปิดที่เกี่ยวข้องกับระบบมีปัญหา แต่เป็นการรีเซ็ตเวอร์ชั่น
เมื่อถามว่าตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาประชาชนมีปัญหาเรื่องของการยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชันทางรัฐ นายเผ่าภูมิ ย้ำว่า เกิดจากการรีเซ็ตระบบ ซึ่งมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว จึงได้แจ้งกับประชาชนให้ทราบว่าการลงทะเบียนจะทำได้นวันนี้ เวลา 08.00 น.
ส่วนที่มีการคาดการณ์ว่าวันนี้ (1 ส.ค.) ประชาชนจะแห่ลงทะเบียนกันจำนวนมาก ความพร้อมของระบบจะไม่ล่มใช่หรือไม่ นายเผ่าภูมิ กล่าวย้ำว่า ความพร้อมของระบบได้ถูกวางแผนไว้แล้วว่าต้องมีการเซ็ตระบบเพื่อให้เป็นระบบรอคิว และจะส่งไปที่ทะเบียนราษฎร์ ตนได้เคยแจ้งไปแล้วว่าระบบจะต้องมีการใส่เลขบัตรประชาชน มีการตรวจสอบใบหน้าบุคคลก่อนส่งไปทะเบียนราษฎร์ และจะต้องมีการตอบกลับมาจากทะเบียนราษฎร์ก่อน ซึ่งต้องใช้เวลา เป็นระบบรอคิว จากนั้นถึงจะเป็นการสร้าง Username, Password และ PIN code จึงจะจบกระบวนการในการลงทะเบียนยืนยันตัวตน
เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึงประชาชนที่วันนี้ (1 ส.ค.) อาจจะแห่กันมาลงทะเบียน ซึ่งอาจเกิดความล่าช้าและขัดข้องได้นั้น นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า อาจจะมีความล่าช้า แต่ไม่ใช่มาจากตัวแอปพลิเคชันทางรัฐ แต่จะช้าเพราะระบบรอคิว เพื่อจะตรวจสอบกับระบบทะเบียนราษฎร์ ซึ่งทางระบบจะทำหน้าที่รับคนอยู่แล้ว และหากเกินกว่า 5 ล้านคน จะเป็นระบบรอคิว
เมื่อถามว่าหากครบกำหนดลงทะเบียนแต่ประชาชนยังไม่สามารถลงทะเบียนได้ จะขยายระยะเวลาหรือไม่ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ทุกคนที่จะลงทะเบียนต้องสามารถลงได้ในกรอบเวลา และไม่มีเหตุผลอะไรที่ประชาชนจะลงทะเบียนไม่ทัน เพราะยืนยันว่าแอปพลิเคชันทางรัฐจะไม่เกิดปัญหา และเชื่อว่าจะสามารถลงทะเบียนได้ตามกรอบที่กำหนด คือ 1 ส.ค.-15 ก.ย.นี้
นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และหน่วยงานภายในของภาครัฐ ร่วมกันดูความเสถียรของระบบลงทะเบียน และในวันนี้หากประชาชนเข้าไปลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก เชื่อว่าแอป “ทางรัฐ” จะสามารถรองรับได้
ส่วนความกังวลว่าหากมีการย้ายทะเบียนบ้านมาอยู่ในพื้นที่อยู่อาศัยปัจจุบัน เพื่อให้สะดวกกับการใช้จ่ายในโครงการ ขณะที่บัตรประชาชนมีข้อมูลไม่ตรงกับทะเบียนบ้านที่ย้ายมาจะทำให้ไม่สามารถใช้จ่ายในโครงการได้นั้น นายเผ่าภูมิ ยืนยันว่า ประชาชนที่มีการย้ายทะเบียนบ้านไม่จำเป็นต้องทำบัตรประชาชนใหม่ เพื่อให้ข้อมูลหน้าบัตรตรงกับทะเบียนบ้านที่ย้ายมา เพราะระบบจะตรวจเช็กไปที่ฐานทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครองอยู่แล้ว หากข้อมูลดังกล่าวตรงกันทั้งหมดจะถูกยืนยันว่าเป็นบุคคลแท้จริงตามบัตรประชาชน
ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้จะมีการหารือร่วมกับสถาบันการเงินต่างๆ เกี่ยวกับแพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment) เพื่อรองรับการชำระเงินภายในโครงการ โดยการใช้จ่ายเงินดิจิทัลยังยืนยันตามไทม์ไลน์เดิม คือ ภายในไตรมาส 4/67 และหลังจากนี้จะมีการชี้แจงความชัดเจนของโครงการในส่วนต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน.-สำนักข่าวไทย