กรุงเทพฯ 1 ก.พ. – นายกรัฐมนตรี วิดีโอคอลให้กำลังใจ 5 คนไทยที่อิสราเอล ดีใจทุกคนสุขภาพแข็งแรงดี อยากให้ตรวจเช็กให้เรียบร้อยก่อนกลับไทย ยืนยันรัฐบาลดูแลสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วิดีโอคอลพูดคุยกับตัวประกันคนไทยทั้ง 5 คน พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ และ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเดินทางไปเยี่ยมคนไทยทั้ง 5 คน ที่โรงพยาบาล Al-Shamir Medical Center หลังทั้งหมดได้รับการปล่อยตัว เมื่อวันที่ 30 ม.ค.68 และรัฐบาลอิสราเอลได้นำมาพักดูแลสุขภาพอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 7 วัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แนะนำตัวประกันคนไทยทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายวัชระ ศรีอ้วน, นายพงษ์ศักดิ์ แทนนา, นายเสถียร สุวรรณคำ, นายสุรศักดิ์ ลำเนา และนายบรรวัชร แซ่ท้าว ทุกคนได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ที่ให้ความช่วยเหลือและผลักดันกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จนได้รับการปล่อยตัวสำเร็จ ซึ่งทุกคนมีสภาพร่างกายที่แข็งแรง ได้รับความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดกับทีม คณะแพทย์จากทหารไทยทำงานร่วมกับทหารของอิสราเอล พร้อมเดินทางกลับประเทศไทยในโอกาสแรก และได้พูดคุยกับครอบครัวในประเทศไทยด้วยแล้ว
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวทักทายแสดงความยินดีกับคนไทยทั้ง 5 คน และให้ทุกคนกล่าวความรู้สึก ซึ่งทุกคนบอกว่า ดีใจที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาอย่างปลอดภัย ได้ออกมานั่งอยู่ตรงนี้ เหมือนทุกคนได้ให้ชีวิตใหม่ รู้สึกดีใจปลื้มใจ และจะได้กลับบ้าน ได้พบกับครอบครัว บางคนบอกว่านอนไม่หลับ เพราะเสียงเงียบเกินไป เนื่องจากหายไปกว่า 1 ปี
นายกรัฐมนตรี สอบถามว่า รู้ตัวก่อนหรือไม่ว่าจะได้ออกมา ซึ่งทุกคนบอกว่า รู้ล่วงหน้า 2-3 วัน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยบอกข่าวว่าตั้งแต่ช่วงปีใหม่และสงกรานต์ แต่ยังไม่ได้ออกมา จนครั้งนี้มีโอกาสได้ดูข่าว ดูทีวี บอกว่าจะมีการปล่อยตัวออกมา เมื่อบอกว่าอีก 2 วันจะได้ปล่อยตัว ก็เริ่มมีความหวังจะได้กลับบ้านไปเจอหน้าครอบครัว เจอลูกสาว
นายกรัฐมนตรี สอบถามว่า อยู่ในนั้นไม่สามารถติดต่อได้เลยหรือไม่ ตัวแทนคนไทยบอกว่า ไม่สามารถติดต่อใครได้ จนออกมาตอนนี้ ทางสถานทูตฯ ให้โทรศัพท์ ทุกคนก็ได้ติดต่อกับที่บ้าน
นายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกคนมีกำลังใจที่ดี ทางสถานทูตฯ จะดูแลเรื่องสุขภาพกาย สุขภาพใจ อย่าเป็นกังวลว่าต้องดูอย่างละเอียด เพราะว่าอยากให้หายดี แม้จะรู้สึกว่าหายแล้ว แต่เรื่องของจิตใจนั้นซับซ้อน ไม่อยากให้มีความทุกข์หรือความกังวลที่ติดค้างในใจ ถ้าได้คุยกับผู้เชี่ยวชาญ บางทีอะไรที่ติดอยู่ในใจจะทำให้เราเบาขึ้น ถือว่าเป็นการช่วยอย่างเต็มที่ให้ใจของเราลดความทุกข์ลง แต่คิดว่าไม่อยากทำกระบวนการเหล่านี้ เพราะคนเจอเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ จะบวกหรือจะลบ ต้องผ่านกระบวนการนี้จริงๆ เป็น Good Start ที่จะไปต่อได้ เพื่อที่จะได้กลับประเทศไทย เพราะเข้าใจว่าทุกบ้านตั้งตารอแล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ติดตามเรื่องเงินพึงได้และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ท่านจะได้รับ ทั้งจากฝ่ายอิสราเอลและของไทย ดังนี้
-เงินชดเชยจากสถาบันประกันภัยแห่งชาติอิสราเอล
-จำนวน 1,000 เชเกลต่อเดือน (ประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน) จนถึงอายุ 67 ปี
-จำนวน 12,000 เชเกลต่อปี (ประมาณ 120,000 บาทต่อปี) (จ่ายหนึ่งครั้งต่อปี) ระหว่างอายุ 67-80 ปี
-จำนวน 15,000 เชเกลต่อปี (ประมาณ 150,000 บาทต่อปี) (จ่ายหนึ่งครั้งต่อปี) เมื่ออายุ 80 ปีขึ้นไป
รายได้จากการทำงานที่คงค้างจากนายจ้างอิสราเอล
-เงินสงเคราะห์กรณีเดินทางกลับประเทศจากภัยสงคราม จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ จำนวน 15,000 บาท
-เงินบำเหน็จชราภาพจากสิทธิประโยชน์ประกันสังคม
รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการเร่งติดตามช่วยเหลือตัวประกันคนไทยที่เหลืออีก 1 คน ให้ได้รับการปล่อยตัว รวมทั้งนำร่างของแรงงานไทยที่เสียชีวิตอีก 2 ราย กลับประเทศไทยโดยเร็ว
นายกรัฐมนตรี บอกว่า ให้กำลังใจและดีใจที่ได้เจอทุกคนในวันนี้ แม้จะผ่านออนไลน์ก็ตาม และเมื่อกลับมาประเทศไทยก็ยินดีที่จะพบกับทุกคน.-316-สำนักข่าวไทย