นนทบุรี 10 มิ.ย. -องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้เปิดให้เอกชนที่สนใจ ยื่นซองเอกสารคุณสมบัติของผู้เสนอซื้อการจำหน่ายข้าวสารในสตอกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 1/2567 จำนวน 15,000 ตัน ตั้งแต่เวลา 09.00 จนถึงเวลา 12.00 น. พบมีผู้มายื่นซอง 8 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศหลังจากได้เปิดให้ผู้สนใจ เข้าตรวจสอบคุณภาพข้าวในโกดังไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.-7 มิ.ย.ที่ผ่านมา และในวันนี้ (10 มิ.ย.) อคส. ได้เปิดให้ผู้สนใจ ยื่นซองเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติที่กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. โดยหน้าห้องประมูล มีการติดประกาศ รายละเอียดเกี่ยวกับหลักฐานการยื่นเอกสารคุณสมบัติของผู้เสนอซื้อ ทั้งกรณีที่เป็นบุคคลธรรมดา กรณีที่เป็นนิติบุคคล กรณีรัฐวิสาหกิจ และกรณีที่เป็นสหกรณ์
ทั้งนี้ มีผู้ที่สนใจ รายแรก เริ่มมายื่นซองเวลาประมาณ 10.00 น. และทยอยเดินทางมากันต่อเนื่อง จนปิดในเวลา 12.00 น. รวม มีผู้ยื่นซอง เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติทั้งหมด 8 ราย ประกอบด้วย 1)บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จังหวัดกำแพงเพชร 2)บริษัท ธนสรร ไรซ์ จังหวัดชัยนาท 3)หจก.อุบลไบโอเกษตร จังหวัดอุบลราชธานี 4)บริษัท อุบลไบโอเอทานอล จำกัด(มหาชน) จังหวัดอุบลราชธานี 5) บริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อา.การเกษตร จังหวัดนครสวรรค์ 6) บริษัท ทรัพย์แสงทอง สุพรรณบุรี 7) บริษัท สหธัญ จังหวัดนครปฐม 8) บริษัท บีเอ็นเค การเกษตร 2024 จังหวัดนครสวรรค์
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ อคส.จะประกาศรายชื่อผู้เสนอซื้อที่ผ่านคุณสมบัติครบถ้วน ในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ ผ่านทางเว็บไซต์ อคส. โดยผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ประกาศจะสามารถเข้ายื่นซองเสนอราคาซื้อได้ในวันที่ 17 มิถุนายน ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น. ที่ห้องมโนปกรณ์นิติธาดาชั้น 12 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกระทรวง และจะทำการเปิดซองเสนอราคาทันที ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ในวันเดียวกัน ซึ่งคณะทำงาน จะพิจารณาจากผู้ที่เสนอซื้อราคาสูงสุดในแต่ละคลัง โดยจะเจรจากับผู้ที่ชนะการประมูล หรือผู้ที่เสนอราคาซื้อสูงสุดก่อน และกำหนดต้องทำสัญญาซื้อขายภายใน 15 วันนับตั้งแต่ อคส.แจ้งผลเป็นทางการ พร้อมวางหลักประกันเงินสด ในอัตรา 5% ของมูลค่าสัญญา ทั้งนี้หากไม่มาทำสัญญาตามเวลาที่กำหนด จะถูกริบหลักประกันทั้งหมด และหากผู้ซื้อทิ้งสัญญา อคส.จะเจรจากับผู้เสนอซื้อสูงสุดในลำดับถัดไป โดยผู้ทิ้งสัญญาจะต้องชดใช้ค่าเสียหายจากส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อกับราคาที่จำหน่ายได้ ให้ อคส. ด้วย
สำหรับการผู้ที่ชนะการประมูล จะต้องชำระเงินค่าสินค้าก่อนระบมอบข้าวสารโดยชำระครั้งแรกภายใน 20 วันนับจากวันที่ลงนามสัญญา หากฝ่าฝืนจะถูกริบหลักประกัน ส่วนรับมอบข้าวนั้นกรณีปริมาณข้าวสารไม่เกิน 1 หมื่นตัน จะต้องรับมอบและขนย้ายให้เสร็จสิ้นภายใน 20 วัน นับจากวันทำสัญญา และปริมาณที่เกิน 1 หมื่นตัน แต่ไม่เกิน 2 หมื่นตัน ผู้ชนะการประมูลจะต้องรับมอบและขนย้ายให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วันนับจากวันทำสัญญา.-514-สำนักข่าวไทย