“มาริษ” มอบ สมช.รวมความเห็น ก่อนตัดสินใจตัดไฟคอลเซ็นเตอร์

ทำเนียบ 31 ม.ค.-“มาริษ” นั่งหัวโต๊ะถก คกก.เฉพาะกิจสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมาครั้งแรก สั่งบูรณาการหน่วยงานเกี่ยวข้อง ป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ-ออนไลน์สแกม ย้ำจัดระเบียบชายแดน-เข้มคนเข้า-ออก ทุกช่องทาง ขู่ฟันหากพบ จนท.รัฐเกี่ยวข้อง เผยมอบ สมช.รวมความเห็น วางไทม์ไลน์ 1 เดือน ก่อนตัดสินใจตัดไฟเมียนมา หลังโผล่ชื่อ นายพล ต. เอี่ยวบ่อนพนัน

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมาร์ ครั้งที่ 1/2568 ว่า วันนี้เป็นการประชุมครั้งแรก ได้เน้นย้ำให้ทุกรายการดำเนินการอย่างเต็มที่ และประสานงานกันอย่างบูรณาการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการทำให้เกิดความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยตามบริเวณชายแดนไทยเมียนมาร์รวมถึงการป้องกันปราบปรามปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติทั้งปัญหายาเสพติดและ ออนไลน์สแกม


รวมถึงต้องการเห็นการค้าขายชายได้กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติเพื่อให้ประชาชนคนไทยได้สามารถค้าขายตามแนวชายแดนตามปกติ จึงได้เน้นย้ำไปที่การจัดระเบียบตามแนวชายแดนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่จังหวัดตาก ซึ่งวันนี้ก็ได้รับความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดตากที่เดินทางมาร่วมประชุมด้วย

สำหรับกรอบแนวทางที่คุยกันวันนี้ที่สำคัญที่สุดคือการควบคุมไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายคน สิ่งของและสินค้าทรัพยากรต่างๆที่จะนำไปสู่กิจกรรมที่นำไปสู่การก่อให้เกิดอาชญากรรมข้ามชาติ


ขณะเดียวกันจะมีมาตรการในการติดตามไม่ให้บุคคลต้องสงสัยเข้าไปในพื้นที่ชายแดนเพื่อไปใช้ประโยชน์ในประเทศไทยหรือไปก่ออาชญากรรมและกิจกรรมที่ไม่พึงประสงค์ รวมถึงคนต่างชาติหากพบว่ามีบุคคลที่ต้องสงสัยจะต้องมีการควบคุมตามมาตรการอย่างเข้มงวด ในส่วนของสินค้าหรือวัตถุและทรัพยากรอื่นๆ ก็จะมีการเพิ่มเข้มงวดกวดขันในการตรวจสอบตามช่องข้ามแดนทุกประเทศ รวมถึง ตามช่องทางธรรมชาติ

ขณะเดียวกันที่ประชุมมีมติว่าจะต้องเพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องชาวไทยและเมียนมาให้รับทราบเพื่อให้เกิดความร่วมมือตามมาตรการดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ ด้านความร่วมมือกับทางต่างประเทศก็จะมีการร่วมมือกับทางประเทศต้นน้ำ คือประเทศจีน และประเทศที่มีชายแดนติดกันประเทศ คือเมียนมา รวมถึงในภูมิภาคอาเซียนด้วย

สำหรับการปฏิบัติจะให้มีคณะการทำงานโดยเลขา สมช.เป็นประธานเพื่อทำหน้าที่บูรณาการระดับนโยบาย ซึ่งได้มอบหมายให้เลขา สมช.บูรณาการองค์กรที่มีอยู่แล้วรวมทั้งกลไกด้านกฎหมายการปฏิบัติระเบียบปฏิบัติต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว หรืออาจจะต้องมีการพิจารณามาตรการหรือระเบียบใหม่ออกมาชั่วคราวเพื่อการขอความร่วมมือระหว่างองค์กรต่างๆ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ให้ได้มากที่สุด


ในระดับการพื้นที่จะมอบหมายศูนย์บัญชาการชายแดนเมียนมา ที่จังหวัดตาก โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานซึ่งวันนี้ได้เดินทางเข้ามาร่วมประชุมด้วยและได้เห็นภาพการบริหารจัดการในพื้นที่มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องไปพิจารณาว่าบทบาทหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานนำมาพูดคุยกันเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา ว่าแต่ละส่วนจะต้องทำอะไรบ้าง พร้อมย้ำว่า หากปรากฏว่าส่วนราชการ หรือหน่วยงานใดมีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยอมรับว่าในที่ประชุมมีการหารือเรื่องการตัดไฟเมียนมา ส่วนจะมีการตัดสินใจอะไรออกไป อยากให้ส่วนที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาหารือในรายละเอียดก่อน โดยได้มอบให้นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายก่อนที่จะมีการตัดสินใจ

เมื่อถามว่าหน่วยงานใดเป็นเจ้าภาพหลักเพราะขณะนี้มีการโยนกันไปมาของหน่วยงาน นายมาริษ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ มีการมอบหมายงานให้ทางเลขาฯ สมช. ไปประชุมต่อ ก่อนจะนำความเห็น ให้ที่ประชุมคณะกรรมการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) คณะใหญ่เป็นผู้พิจารณาตัดสินใจเป็นคนสุดท้าย

ส่วนจะใช้ระยะเวลานานหรือไม่ นายมาริษ ระบุว่า เท่าที่หารือกัน จะดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยวางไทม์ไลน์ไว้ไม่เกิน 1 เดือน พร้อมย้ำว่าต้องฟังเหตุผล และความสมดุลเพื่อผลประโยชน์ของทุกฝ่าย

เมื่อถามว่ามีการเปิดเผยข้อมูลมี พลตำรวจอักษรย่อ ต.ไปเป็นหุ้นส่วนกับบ่อนการพนันในฝั่งนั้น จะมีการตรวจสอบหรือไม่ นายมาริษ ยอมรับว่า จะต้องมีการตรวจสอบ เพราะทุกอย่างจะต้องมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ทั้งหมด

ส่วนที่ กฟภ.ได้มีการส่งทำหนังสือไปยังกรมเอเชียตะวันออกแต่ไม่ได้รับการตอบรับ นายมาริษ ชี้แจ้งว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ ก่อนย้ำไม่ว่าจะเรื่องอะไร ขอให้นำสู่ที่ประชุม เพื่อให้เกิดความชัดเจนก่อน เพราะทุกอย่างมีหลายด้านต้องบูรณาการข้อมูลให้ชัดเจนก่อน

เมื่อถามถึงกรณีที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีความมั่นคงจีนลงพื้นที่ชายแดนแม่สอด จังหวัดตาก ติดตามปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ นายมาริษ กล่าวว่าไม่ได้ประสานงานผ่านกระทรวงการต่างประเทศ แต่ประสานผ่านทางกระทรวงยุติธรรม และในท้ายที่สุดก็จะมีการพูดคุยกันในภาพรวม ตนก็อยากเห็นการบูรณาการร่วมกันทุกอย่าง ในส่วนของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติกระทรวงการต่างประเทศรอดูเรื่องการต่างประเทศส่วนในทางปฏิบัติก็ต้องฟังกระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่จะบูรณาการกันอย่างไรช่วยเหลือกันอย่างไร ก็ต้องพูดคุยกัน

ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่ควรให้จีนเป็นผู้ดำเนินการแต่เพียงผู้เดียว นายมาริษ กล่าวว่า “ใช่” ทุกคนทราบดี ยังไงกระทรวงการต่างประเทศก็ไม่ยอมให้จีนมาทำอะไรโดยที่ปล่อยให้เขาทำ มันไม่ได้อยู่แล้ว.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]