สอท.ลุยจับ-อายัดทรัพย์ อาชญากรข้ามชาติ เงินหมุนเวียน 3 หมื่นล้าน

17 เม.ย. – ตำรวจไซเบอร์ ลุยจับอาชญากรข้ามชาติ หลอกลงทุน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ เงินหมุนเวียนสูงถึง 30,000 ล้านบาท/ปี อายัดทรัพย์ได้กว่า 250 ล้าน


จากกรณีผู้เสียหายถูกหลอกลงทุนในลักษณะ Hybrid Scam ซึ่งคนร้ายใช้วิธีการชักชวนผู้เสียหายให้ลงทุนสกุลเงิน ดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มปลอม จากนั้นให้ผู้เสียหายซื้อเงินสกุลต่างประเทศ และโอนไปตามเลขกระเป๋าเงินดิจิทัลตามที่คนร้ายระบุ ก่อนที่จะถูกโอนเข้าบัญชีของแพลตฟอร์มเทรดเงินดิจิทัล ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. สืบสวนจนได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงไปสู่คนร้ายตัวจริงที่ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลดังกล่าว คือ นายซู ชาวสัญชาติจีนกับพวก และยังพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงนอมินีรูปแบบนิติบุคคล สัญชาติไทยที่เชื่อว่าจดทะเบียนเพื่ออำพรางการทำธุรกรรม โดยการเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ และทรัพย์สินต่างๆ

นำมาสู่ปฏิบัติการตรวจค้นกว่า 72 จุดทั่วประเทศ จากผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติจีน 3 ราย ตรวจยึดอายัดอสังหาริมทรัพย์คอนโด บ้านในหมู่บ้านหรู รถยนต์ สินค้าแบรนด์เนม เงินสดและของกลางอื่นอีกหลายรายการ รวมมูลค่ารวมกว่า 1,900 ล้านบาท ก่อนอัยการสูงสุดได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด และสำนักงาน ปปง. ได้มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว โดยยึดทรัพย์สินไว้รวม 15 รายการ มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท และได้ลงประกาศให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์คืน ต่อมา ตำรวจ สอท. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง


ในส่วนคดีอาญา สน.ดินแดง พบว่าคนร้ายใช้วิธีการก่อเหตุโดยอาศัยวิธีการสุ่มติดต่อหาประชาชนผ่านแพลตฟอร์มสื่อโซเชียลต่างๆ แล้วชักชวนพูดคุยให้เกิดความเชื่อว่าคนร้ายสอนการลงทุนเทรดคริปโตเคอเรนซีเพื่อได้ผลกำไรจริง โดยผู้เสียหายในเคสนี้ถูกชักชวนให้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของบุคคลต่างๆ (บัญชีม้า) ที่คนร้ายอ้างว่า เป็นบัญชีตัวแทนรับแลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นเงินสกุลดิจิทัล เพื่อโอนเข้าแอปเทรดเหรียญดิจิทัล ซึ่งเป็นแอปปลอม จากการสืบสวนเส้นทางการเงินพบว่าปลายทางของเงินนั้น ถูกนำไปผ่านกระบวนการฟอกเงินด้วยระบบการเงินใต้ดิน และพบว่าหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการเป็นกลุ่มชาวจีน และชาวจีนสิงคโปร์ โดยเป็นผู้จ้างวานเพื่อจดทะเบียนบริษัทนอมินี และนำข้อมูลบริษัทไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำมาใช้รับเงินจากการกระทำความผิด แล้วนำเงินส่วนใหญ่ที่ได้มาเปลี่ยนสภาพไปเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล แล้วโอนต่อไปหลายช่องทาง เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ

จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจพบหลักฐานทางการเงินที่ไม่สัมพันธ์กับฐานะของเจ้าของบัญชี และมีพยานหลักฐานที่บ่งชี้ถึงการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรม และยังพบว่าบุคคลเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวง การพนันออนไลน์ หรือยาเสพติดก็ตาม

ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้เร่งทำการสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายดังกล่าว และยึดทรัพย์เพื่อนำมาคืนให้แก่ผู้ เสียหายให้ได้โดยเร็ว จนกระทั่งสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเอาไว้แล้ว จำนวน 26 คน และขอหมายค้น เพื่อเข้าตรวจค้นเป้าหมายสำคัญ จำนวน 4 จุด ล่าสุด นำมาสู่ปฏิบัติการ The Purge ปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรข้ามโลก สามารถจับผู้ต้องหารายสำคัญได้ จำนวน 4 ราย คือ


  1. นายตงเจี้ยน สัญชาติ จีน อายุ 45 ปี ผู้รับผลประโยชน์ จับกุมได้ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
  2. นายเว่ย คิง เคก สัญชาติ สิงคโปร์ อายุ 41 ปี ผู้ทำหน้าที่จ้างวานเปิดบัญชีนิติบุคคล จับกุมได้ที่ลานจอดรถ แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
  3. นายวศิษฎ์ อายุ 31 ปี ผู้ทำหน้าที่ฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จับกุมได้ที่บริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
  4. น.ส.สิรภัทร อายุ 25 ปี เป็นเจ้าของบัญชี จับกุมได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สอด จ.ตาก

แจ้งข้อหาในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนอันเป็นปกติธุระโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันเป็น อั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันโดยทุ จริต หรือโดยหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฯ และร่วมกันฟอกเงินและสมคบฟอกเงิน

อีกทั้ง เจ้าหน้าที่ยังได้ทำการอายัดบัญชีเงินฝาก รวมถึงตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินและบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ต้องหาและบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องในคดี คือ

  1. อายัดบัญชีเงินฝาก ยอดเงินจำนวนประมาณ 40 ล้านบาทเศษ
  2. อายัดบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัล มูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท
  3. อายัดเงินสด จำนวน 80 ล้านบาท
  4. ยึดรถยนต์หรู ราคาประมาณ 2.5 ล้านบาท
    รวมมูลค่าประมาณ 252.5 ล้านบาท

ต่อมาสำนักงาน ปปง. ได้มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว และยังยึดเงินสด จำนวน 80 ล้านบาทข้างต้น ไว้เพื่อตรวจสอบ ซึ่งหากพบว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ก็จะถูกนำมาเฉลี่ยทรัพย์คืนให้แก่ผู้เสียหายต่อไป นอกจากนี้ ยังพบว่าเครือข่ายดังกล่าว เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งพบว่าเครือข่ายดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนสูงถึง 30,000 ล้านบาท/ปี โดยจะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ป.ป.ส. รวบ 3 นักค้ายาเสพติดต่างชาติ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ป.ป.ส. รวบนักค้ายาเสพติดต่างชาติ 3 ราย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งออกไปอิตาลี-อังกฤษ เลขาฯ ป.ป.ส. เผยความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลจากการประสานงานใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ตรวจสอบตลาดปาล์มน้ำมัน หลังราคาพุ่ง

ช่วงนี้น้ำมันปาล์มตามท้องตลาดปรับราคาแพงขึ้น จากเดิมขวดละราว 10 บาท ทำให้ผู้บริโภคถึงกับโอดครวญ ขณะที่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ระบุแม้ช่วงนี้ราคาปาล์มน้ำมันขายได้ราคาดีที่สุดในรอบหลายปี แต่เกษตรกรกลับไม่มีปาล์มขาย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยอีสาน อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย-ใต้ตอนบน ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ เผยภาคใต้ตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อยในภาคอีสาน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง

เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อน

กระทรวงการต่างประเทศ เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค JTC ไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ตามแนว MOU 2544 ยืนยันไม่ทำให้เสียเกาะกูด

เข้าสู่ฤดูหนาว

อุตุฯ ประกาศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว

กรมอุตุฯ ประกาศการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทย ปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. โดยเป็นการเข้าสู่ฤดูหนาวช้ากว่าปกติประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีพายุก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกและเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ และยังมีฝนบางพื้นที่ ปีนี้จะหนาวกว่าปีที่แล้ว