กรุงเทพฯ 12 ก.พ. – อีก 7 วัน “ทักษิณ” จะครบกำหนดรับโทษ 2 ใน 3 เข้าเกณฑ์พักโทษ หลายฝ่ายเชื่อมีโอกาสสูงที่จะได้รับการพักโทษ และกลับไปพักบ้านจันทร์ส่องหล้า
เป็นที่จับตามองอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับถึงไทย เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 โดยหลายฝ่ายมีคำถามมากมายถึงการรับโทษเข้าเรือนจำ แต่กลายเป็นว่า หลังจากวันที่เดินทางมาถึงดำเนินตามกระบวนการทางกฎหมาย ก็มีประเด็นฮือฮา ถึงอาการป่วยของนายทักษิณ ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน จนต้องนำตัวเข้ารับการรักษาที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ทันที จนถึงวันนี้เป็นเวลา 174 วันแล้ว นั่นหมายความว่า เหลือเวลาอีกประมาณ 7 วัน ก็จะครบการรับโทษ 180 วัน ถือเป็น 2 ใน 3 เข้าเกณฑ์พักโทษ ร่วมกับเป็นนักโทษที่มีอายุเกิน 70 ปี และมีอาการป่วย ซึ่งก่อนหน้านี้ ราชทัณฑ์ ยอมรับว่า กำลังพิจารณาพักโทษนักโทษ ซึ่งหนึ่งในนั้น มีนายทักษิณ รวมอยู่ด้วย
ขณะเดียวกัน หลายฝ่ายเชื่อว่า นายทักษิณมีโอกาสสูงที่จะได้รับการพักโทษ และกลับไปพักที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ประกอบกับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เคยบอกกับสื่อว่า ได้เตรียมบ้านไว้พร้อมแล้ว แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการของกระทรวงยุติธรรม
ประเด็นการอายัดตัวนายทักษิณ จากคดี ม.112 เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจว่าจะมีการดำเนินการในช่วงนี้เลยหรือไม่ โดยนายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ แสดงความคิดเห็นว่า ประเด็นนี้สามารถออกได้ 3 หน้า 1. สอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม หากเห็นว่าข้อเท็จจริงยังไม่ครบถ้วน 2. สั่งฟ้อง หากข้อเท็จจริงเพียงพอแล้ว และ 3.ไม่สั่งฟ้อง หากพฤติกรรมไม่เข้าข่ายความผิด แต่ทั้งนี้ ต้องพิจารณาตามคำร้องหนังสือขอความเป็นธรรมที่นายทักษิณแย้งมาว่า มีข้อต่อสู้อะไรที่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงในสำนวนได้ หากไม่มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติม ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมได้ อย่างไรก็ตาม มีรายงานล่าสุดว่า ไม่มีการอายัดตัวนายทักษิณ เนื่องจากคดีนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาแล้ว
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างภารกิจราชการที่ จ.ยะลา เปิดเผยว่า ยังไม่เห็นรายชื่อ ตอนนี้น่าจะอยู่ในขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ ที่รวบรวมรายชื่อผู้ต้องขังทั่วประเทศที่มีสิทธิหรือมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ได้รับการพักโทษ ทั้งแบบปกติ และแบบกรณีมีเหตุพิเศษฯ จากนั้นจึงจะรายงานมาที่ตน ซึ่งทุกเดือนก็จะมีรายชื่อส่งมาประมาณ 1,000 รายชื่อ และคาดว่า รายชื่อลอตนี้จะมาถึงตนวันนี้ (12 ก.พ.67) แต่ตนยังติดภารกิจอยู่ต่างจังหวัด แต่จะมีชื่อนายทักษิณ หรือมีการพักโทษนายทักษิณ หรือไม่ ให้รอดู เพราะต้องมีกระบวนการตรวจสอบรายละเอียดขั้นตอน โดยปลัดกระทรวงยุติธรรม และรองปลัดกระทรวงยุติธรรมก่อน
กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล พร้อมผู้ชุมนุมปราศรัยขอเข้าพบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่หน้ากระทรวงยุติธรรม เพื่อคัดค้านการพักการลงโทษนายทักษิณ แต่มีนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมหัวหน้าผู้ตรวจกรมราชทัณฑ์ ออกมารับหนังสือจากกลุ่ม คปท. แทน
นายพิชิต ต้องการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงกรณีนายทักษิณ ได้รับการพักโทษ ทั้งที่เป็นนักโทษเด็ดขาด ต้องอยู่เรือนจำ แม้ได้รับพระราชทานอภัยโทษเหลือโทษเพียง 1 ปี แต่ก็ไม่เคยได้รับโทษเข้าเรือนจำ อยู่แต่โรงพยาบาลเหมือนที่ผ่านมา ให้เกิดการเปรียบเทียบกับนักโทษรายอื่นๆ ที่ไม่ได้สิทธิเช่นเดียวกัน โดยวันพรุ่งนี้ (13 ก.พ.) จะทวงถามกับ พ.ต.อ.ทวี อีกครั้ง
ด้านนายสมบูรณ์ ชี้แจงกระบวนการพักโทษว่า มีมาตั้งแต่ปี 2546 มีขั้นตอนปฏิบัติปกติทั่วไป ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่ามีรายชื่อนายทักษิณได้รับการพักโทษหรือไม่ เพราะปกติไม่มีประกาศ จะเป็นการละเมิดสิทธิผู้ต้องขัง แต่อีกไม่กี่วันก็คงรู้ หากนายทักษิณมีชื่อพักโทษก็เป็นกระบวนการปกติ ซึ่งแต่ละครั้งทุกเดือนจะมีรายชื่อสำคัญ หรือบิ๊กเนม หลายคน ไม่ได้มีคนเดียวที่เข้าเกณฑ์ โดยคณะกรรมการพักโทษมีถึง 19 คน ช่วยกลั่นกรอง รายชื่อที่มีการเสนอเข้าสู่การพิจารณานับพันคน
ส่วนจะต้องใส่กำไลอีเอ็มหรือไม่ มติคณะกรรมการพักโทษ ตั้งแต่ปี 2563 ระบุว่า นักโทษอายุเกิน 70 ปี และเจ็บป่วย ไม่ต้องใส่กำไลอีเอ็ม อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่า การพักโทษไม่ได้พ้นการควบคุม เพียงแต่เปลี่ยนจากกรมราชทัณฑ์มาอยู่ในความควบคุมของกรมคุมประพฤติแทน ส่วนจะปล่อยวันไหน อยู่ในขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ หารือกับอัยการ ซึ่งคาดว่าเมื่อครบ 180 วัน ก็ปล่อยกลับทันที สำหรับการพักโทษ ไม่ต้องใช้หมายปล่อยจากศาล และแม้เป็นวันหยุดราชการก็ปล่อยได้ เพียงแต่มีเงื่อนไขให้รายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติภายใน 3 วัน.-สำนักข่าวไทย