กทม. 30 ธ.ค.-ภาพจากกล้องวงจรปิดบนทางพิเศษฉลองรัช จับภาพนาที ร.ต.ท. ยิงนักธุรกิจหนุ่ม ทำให้เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนพร้อมซองกระสุน และแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ภาพจากกล้องวงจรปิด บนทางพิเศษฉลองรัช กิโลเมตรที่ 10 ช่วงเหนือประดิษฐ์มนูธรรม ซอย 5 ฝั่งมุ่งหน้าลาดพร้าว ช่วงประมาณ 23.30 น. วันที่ 29 ธันวาคม 2566 จะเห็นรถตู้ค่อยๆ พุ่งชนขอบทางก่อนซักพัก มีผู้ชาย 2 คน ออกมานอกรถตู้ลักษณะเหมือนต่อสู้กัน จากนั้นกล้องวงปิดก้อตัดภาพไป นี่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญของคดีนี้
ตำรวจ ได้รับแจ้งเหตุรับแจ้งเหตุชายถูกยิงเสียชีวิตอยู่บนทางพิเศษฉลองรัช จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพชายมีแผลถูกยิงหลายนัด นอนเสียชีวิตจมกองเลือดที่ช่องซ้ายสุด ทราบชื่อ นายกฤษฎิ์ อายุ 30 ปี นักธุรกิจเจ้าของโรงงานย่านสมุทรปราการ
ต่อมาช่วงเช้ามืด ของวันที่ 30 ธ.ค. ชุดสืบนครบาล, สืบ บก.น.4 และสืบ สน.วังทองหลาง ร่วมกันจับกุมตัว ร.ต.ท.ณรงค์วัส หรือ นัทอายุ 25 ปี รอง สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก ตามหมายจับของศาลอาญา เลขที่ 4841/2566 ข้อกล่าวหาว่า “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พาอาวุธเข้าไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุจำเป็น ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน” ตรวจยึดของกลาง มีอาวุธปืนพกสั้น กึ่งอัติโนมัติ จำนวน 1 กระบอก พร้อม ซองกระสุน จำนวน 1 อัน โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง บัตรประจำตัวประชาชนของนายกฤษฎิ์ (ผู้ตาย) จำนวน 1 ใบ และชุดที่ใส่ก่อเหตุตัวเดียวกันกับที่สวมใส่ขณะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม
โดยจับกุมได้ที่ห้องพักรายวันแห่งหนึ่ง เขตดอนเมือง หลังนำตัวมาสอบปากคำที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาล 4 ร.ต.ท.ณรงค์วัสฯให้ การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า เป็นผู้ลงมือสังหารผู้ตาย โดยอ้างว่าตนมีปัญหาหนี้สินติดหนี้ในระบบ 2 ล้านบาท จากการกู้ไปลงทุนทำธุรกิจ จากนั้นก็ได้รู้จักกับผู้ตายแล้วคอยทำงานเป็นคนขับรถให้ผู้ตาย ทำงานมาประมาณ 5 เดือน ระหว่างทำงานถูกบอกว่าจะเคลียร์หนี้และ จะดูเรื่องตำแหน่งให้ แต่ยังไม่เห็นว่าจะทำอะไรให้ จนมาถึงวันเกิดเหตุได้ขับรถให้กับผู้ตายและมีปากเสียงกันเรื่องที่ว่าถูกหลอกใช้ ตอนก่อเหตุ ร.ต.ท.ณรงค์วัสได้ใช้อาวุธปืนของตัวเองยิงขาแล้วขู่ก่อนบังคับให้โอนเงินจำนวน 20 ล้าน แต่ตกลงกันไม่ได้ มีการยื้อแย่งอาวุธปืน โดยผู้ตายข้ามมาหรือแย่งปืนตำแหน่งผู้ก่อเหตุที่ขับรถอยู่แล้วเปิดประตูลงไปนอกรถ จากนั้นใช้ปืนยิงซ้ำอีกถูกแขน ยังไม่เสียชีวิต และขับรถหนีแต่มานึกได้ว่า ทำโทรศัพท์ตนเองตกไว้ในที่เกิดเหตุ จึงวนรถกลับมาอีกรอบและบังคับให้ผู้เสียชีวิตโอนเงินอีกครั้ง เมื่อไม่ยินยอมจึงยิงที่หัวอีก 2 นัดเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย โดยผู้ต้องหายอมรับว่าเกิดจากความเครียดและเข้าใจว่าตนถูกหลอกใช้
ด้าน พล.ต.ต. ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เผย หลังเข้าสอบปากคำนานกว่า 6 ชั่วโมง ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ผู้ต้องหาอ้างว่ารู้จักกับผู้เสียชีวิตเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในฐานะที่ผู้เสียชีวิตเคยเป็นผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก ว่าธุรกิจถูกฉ้อโกง ต่อมาผู้เสียชีวิตได้ชักชวนมาทำงานพิเศษเป็นคนขับรถส่วนตัวและรักษาความปลอดภัย แลกกับค่าจ้างวันละ 1,000 บาท
จากคำให้การทั้งหมดตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อโดยเฉพาะต้องขยายผลเรื่องธุรกิจของผู้เสียชีวิต ว่าทำไมต้องจ้างให้ผู้ต้องหาไปทำงาน เบื้องต้นทราบว่าไม่ได้เกี่ยวข้องธุรกิจสีเทา หลังจากนี้จะเชิญครอบครัวผู้เสียชีวิตสอบปากคำเพิ่มเติม หลังสอบปากคำผู้ต้องหาแล้วเสร็จจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลางทำการควบคุม ฝากขังศาลอาญาวันพรุ่งนี้
ช่วงเวลา 15:00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย 2 ราย ผู้เห็นเหตุการณ์และเข้าช่วยเหลือผู้ตายขณะบาดเจ็บได้เข้าให้ปากคำกับตำรวจสืบสวนสอบสวน ที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาล 4 โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสั้นๆ ก่อนเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนว่า พนักงานสอบสวน รียกให้มาพบเพื่อให้ปากคำกับตำรวจ เท่านั้น ซึ่งขณะเกิดเหตุทั้งสอได้ยินเสียงปืน 4 นัดด้วยกัน.–สำนักข่าวไทย