ทำเนียบรัฐบาล 22 ก.ย.-“ภูมิธรรม“ รับอยากคุย “วิษณุ” ร่วมคณะกรรมการประชามติร่าง รธน.ใหม่ มองเป็นคนมีความรู้ เชี่ยวชาญกฎหมาย และอยากลดงบทำประชามติ ชี้ทำ 3-4 ครั้ง พุ่งหมื่นกว่าล้าน พร้อมดูมาตรฐานจริยธรรม ประหารชีวิตทางการเมือง “ช่อ”
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะกรรมการฯ ว่า จากการให้สัมภาษณ์ครั้งก่อนได้เรียนไปแล้วว่า จะมีการพูดคุยกันภายใน 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้การตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวเรียบร้อย ส่วนไทม์ไลน์การทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ ขอให้มีการนัดประชุมในครั้งแรกก่อน โดยในการประชุมวันแรกจะเห็นไทม์ไลน์ วัตถุประสงค์ ขอบเขต เป้าหมาย การร่างกฎหมายลูกต่างๆ ซึ่งอยากเห็นการเลือกตั้งครั้งหน้า มีกฎหมายรัฐธรรมนูญ และมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญใหม่ให้สำเร็จ เพื่อใช้ในการเลือกตั้ง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้มีการทาบทามผู้ที่มาร่วมเป็นคณะกรรมการชุดดังกล่าว โดยได้ทาบทามและพูดคุยกับทั้งนายเอกชัย ไชยนุวัติ รองคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม น.ส.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้านการพัฒนาพรรคเพื่อไทย และนายนิกร จำนง ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งบุคคลเหล่านี้ให้ความสนใจ แต่ก็ต้องพูดคุยในรายละเอียด เพราะอยากให้ทุกคนที่เข้ามาร่วมเกิดความสบายใจ อยากให้มีการพูดคุยที่มีบทบาท และทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย ส่วนนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการทาบทาม ส่วนนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ยังไม่มีโอกาสได้คุย แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากจะคุย เพราะเป็นผู้รู้ เป็นคนที่เชี่ยวชาญในกฎหมายมากพอสมควร จะได้เอาความคิดเห็น หรือหากยังไม่มีโอกาสคุย เวลาที่มีประชุมก็สามารถปรึกษาหารือกันได้
เมื่อถามว่า จะมีการเชิญคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 60 มาร่วมด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ตนยินดีต้อนรับทุกคน แต่ต้องคุยกันในรายละเอียดและกรอบแนวทางว่าเป็นอย่างไร และในส่วนของพรรคการเมือง ตนพยายามเชิญมาร่วมให้มากที่สุด แต่เรามีข้อจำกัดเรื่องปริมาณจำนวนคน หากคนมากเกินไปก็ทำงานลำบาก แต่ถ้าไม่ได้เป็นคณะกรรมการ ก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วม พบปะพูดคุยแสดงความคิดเห็นได้
สำหรับงบประมาณในการจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในส่วนของการทำประชามติ การตีความตามศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ประมาณ 3-4 ครั้ง จะใช้งบประมาณครั้งละประมาณ 3-4 พันล้านบาท แต่ตนคิดว่าอยู่ในแนวทางที่พูดคุยกันให้ชัดเจน ต้องอาศัยความคิดเห็นจากคณะกรรมการชุดดังกล่าว เราพยายามจะทำให้การทำประชามติน้อยครั้งที่สุด อันไหนสามารถควบรวมได้ก็จะทำ โดยยึดแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยไว้ และหากเราสามารถประหยัดงบประมาณได้มากที่สุดก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะหากทำครบ 3-4 ครั้ง ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จะใช้งบประมาณสูงถึงหมื่นล้าน
สำหรับมาตรฐานจริยธรรม ที่ลงโทษ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต และพรรคก้าวไกลก็ออกมาระบุว่าปัญหาอยู่ที่รัฐธรรมนูญนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เป็นประชาธิปไตย เราทำได้หมด เว้นการแก้ไขในหมวด 1 และ 2 ในแต่ละเรื่องที่เกิดขึ้น เราต้องดูว่า เจตจำนงที่จะควบคุมดูแลนักการเมือง และผู้ที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องดูว่าไปละเมิด และมีความเที่ยงตรงได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งก็ต้องดูในรายละเอียด
ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่า มาตรฐานจริยธรรมที่ออกโดยศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ มาบังคับใช้กับ สส. อาจจะไม่ถูกหลัก หรือกรณีที่ศาลตัดสินว่าไม่ผิด แต่กลับผิดหลักจริยธรรมไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องดูเป็นรายกรณี แต่การอิงศาลรัฐธรรมนูญในเบื้องต้นก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว แม้จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่อะไรที่เป็นปัญหามากเกินไป คนในกลุ่มวิชาชีพที่เราเชิญมา หรือรับฟังมา ก็จะเป็นคนให้ความเห็นเองว่า เรื่องไหนโอเค หรือเรื่องไหนต้องมีการปรับปรุงแก้ไขอะไร ตนคิดว่า หากระดมความคิดเห็นได้กว้างขึ้น รัฐธรรมนูญก็จะไม่มีปัญหา เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และทุกฝ่ายต้องยอมรับและผ่านให้ได้ และตนคิดว่าถ้ารัฐธรรมนูญผ่านได้ ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยในลำดับใด ก็จะทำให้โอกาสและบรรยากาศของประเทศพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย