กรุงเทพฯ 11 พ.ค. – ตรวจสอบกล่องพัสดุปริศนาถูกส่งถึงเพื่อนสนิทของ “แอม ไซยาไนด์” เปิดกล่องพบกระเป๋าถือแบรนด์เนม 1 ใบ กระเป๋าเงิน 2 ใบ กระเป๋าใส่นามบัตร 1 ใบ และใบเสร็จรับส่งสินค้าที่มีชื่อผู้รับคือ “ก้อย” และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
คืบหน้าคดีแอม ไซยาไนด์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สอบพยานที่เป็นเพื่อนสนิทของแอม ซึ่งพยานคนนี้ประสงค์เข้ามาให้ข้อมูลเอง เมื่อสอบปากคำแล้วจะนำข้อสำนวนการสอบสวนเพื่อขยายความเชื่อมโยงว่าไปถึงใคร ย้ำว่าวันนี้ตำรวจมีข้อมูลมากพอในการเอาผิดกับแอมได้
ขณะที่นางสาวชลิดา พะละมาตย์ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิวินวิน ได้พาเพื่อนสนิทแอมมาให้ปากคำ พร้อมนำกล่องพัสดุปริศนาที่ถูกส่งไปที่บ้านของเพื่อนสนิทคนนี้มาให้ตำรวจเก็บไว้เป็นพยานหลักฐาน พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มว่าพยานคนนี้เป็นคนที่แอมให้ความไว้วางใจ เคยให้ข้อมูลเรื่องขบวนการหวยทิพย์ และออกรถป้ายแดงของแอมด้วย
ส่วนพัสดุ พยานบอกว่าเดือนก่อนมีพัสดุปริศนาส่งมาที่บ้านในจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งบ้านหลังนี้ปกติไม่มีใครอยู่ ทำให้เกิดความสงสัยว่าเป็นพัสดุอะไร จากนั้นเมื่อได้คุยกับนางสาวชลิดา ได้นำพัสดุมาส่งมอบให้ตำรวจในวันนี้
การตวรจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นพบว่าภายในมีถุงดำและถุงพลาสติกห่อ 2 ชั้น เมื่อเปิดถุงพลาสติกร้านสะดวกซื้อ พบทรัพย์สิน 6 รายการ ประกอบด้วย กระเป๋าถือแบรนด์เนม 1 ใบ, กระเป๋าเงิน 2 ใบ, กระเป๋าใส่นามบัตร 1 ใบ และใบเสร็จรับส่งสินค้าที่มีชื่อผู้รับ คือ นางสาวศิริพร ขันวงษ์ หรือ “ก้อย” และมือถือ 1 เครื่อง
ขณะที่พัสดุส่งมาตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน หลังก้อยเสียชีวิตไปแล้ว 5 วัน ส่วนชื่อคนส่งและเบอร์โทรอยู่ในพื้นที่ท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี
เมื่อสอบถามญาติก้อย ยืนยันว่าทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของก้อย แต่ไม่รู้จักชื่อผู้ส่ง ส่วนก่อนหน้านี้แอมเคยให้การว่านำทรัพย์สินของก้อยใส่ถุงดำไปทิ้งขยะแล้ว
ทั้งนี้ นอกจากเพื่อนสนิทแอม ยังมีนายประกันที่แอมเคยติดต่อขอทำประกันให้แด้ ได้เข้าให้ปากคำกับตำรวจภูธรภาค 7 เพราะมีข้อมูลว่าแอมพยายามเรียกวงเงินประกันหลังการตายสูงถึง 7 ล้านบาทด้วย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังเพื่อนแอมนำกล่องพัสดุมาให้ตรวจสอบและเข้าให้ข้อมูลพฤติกรรมแอม ว่า เพื่อนแอมคนนี้ถือเป็นพยานปากสำคัญในคดี เพราะนำหลักฐาน ซึ่งเป็นของนางสาวศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย มามอบให้กับตำรวจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตำรวจตามหามาระยะหนึ่งแล้วแต่ไม่พบ กระทั่งมีการส่งทรัพย์สินของนางสาวก้อยไปให้พยานที่คอนโดฯ ในจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นคอนโดฯ ที่พยานไม่ได้พักอาศัยอยู่นานแล้ว
จากการตรวจสอบพบว่ากล่องพัสดุที่ซุกซ่อนเป็นทรัพย์สินของนางสาวก้อย มีการส่งหมุนเวียนไปในหลายจังหวัด ก่อนจะถูกส่งมาที่จังหวัดเพชรบุรี เป็นที่สุดท้าย โดยการกระทำในลักษณะนี้มองว่ามีจุดประสงค์ในการอำพรางหลักฐานทางคดี เพื่อให้หาของกลางไม่เจอ ซึ่งตำรวจจะเชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรับและส่งพัสดุกล่องนี้มาสอบปากคำทั้งหมด ล่าสุดเชิญตัวผู้ส่งพัสดุจากอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ไปที่คอนโดฯ พยานในจังหวัดเพชรบุรี มาสอบปากคำแล้วที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 หลังจากนี้ต้องดูว่ามีส่วนรู้เห็นหรือร่วมกันวางแผนอำพรางหลักฐานกับผู้ต้องหาหรือไม่ จะเข้าข่ายทำลายหลักฐาน
ส่วนเพื่อนแอมพยานปากนี้ ถือเป็นคนสนิทของนางสาวสรารัตน์ หรือ แอม และเป็นคนที่นางสาวแอมไว้ใจมากที่สุด เพราะมีรายชื่อในบัญชีเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาของกรมราชทัณฑ์ ที่สามารถเข้าเยี่ยมได้ตลอด ซึ่งวันพรุ่งนี้ตนเองจะพาพยานปากนี้เข้าไปพูดคุยกับนางสาวแอม ในประเด็นเรื่องทรัพย์สินของนางสาวก้อยที่ถูกส่งไปถึงพยาน ซึ่งก่อนหน้านี้นางสาวแอมเคยให้การไว้กับตำรวจระบุว่านำทรัพย์สินเหล่านี้ใส่ถุงดำไปทิ้งถังขยะแล้ว นอกจากนี้เพื่อนแอมยังให้การว่าเคยถูกวางยาเช่นกันจากหลังถูกทวงถามเรื่องยืมเงิน ยืนยันคดีใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยวันพรุ่งนี้จะมีการสรุปผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ทั้งหมด รวมถึงแนวทางการสืบสวน คาดมีความชัดเจนกรณีผู้ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับวันนี้ตำรวจยังได้เชิญ พ.ต.ท.วิฑูรย์ หรือ รองอ๊อฟ อดีตสามีของนางสาวแอม เข้าให้การเป็นครั้งที่ 3 ในประเด็นเส้นทางการเงินต่างๆ ของนางสาวแอม ที่เบื้องต้นพบมีการโอนออกไปยัง 12 บัญชี นอกจากนี้ยังได้เชิญพ่อ-แม่ และญาติ ของนางสาวแอม เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย
ด้านเพื่อนแอมพยานที่ถูกระบุว่าเป็นบุคคลที่แอมไว้ใจและนำพัสดุปริศนาซึ่งภายในเป็นกระเป๋าของก้อย ผู้เสียชีวิต เปิดเผยหลังให้ปากคำ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นานกว่า 4 ชั่วโมง ว่าในช่วงที่มีการส่งพัสดุกล่องนี้มาให้ตนเอง เจ้าหน้าที่ส่งพัสดุแจ้งว่าไม่มีการเรียกเก็บเงินค่าส่งและค่าสินค้าใดๆ จึงเกิดความสงสัย เพราะตามปกติแล้วเวลาตนเองสั่งสินค้าจะให้เก็บเงินปลายทางตลอด ตอนแรกตนเองเข้าใจว่าส่งไปที่บ้านตามที่อยู่บัตรประชาชน แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ส่งพัสดุแจ้งว่าจะนำไปไว้ที่ตึกใหม่ ทำให้รู้ว่าสถานที่ส่งพัสดุที่จริงแล้วเป็นคอนโดมิเนียมที่ตนเองไม่ได้อยู่อาศัยนานแล้ว หลังจากนั้นไม่ได้สนใจไปเปิดดูพัสดุ จนมาถึงวันนี้กลับไปดูพัสดุและเห็นว่าพัสดุจ่าหน้าว่ามาจากท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี จึงเกิดความสงสัย ยืนยันว่าไม่รู้จักชื่อผู้ส่งพัสดุ ยอมรับว่ารู้จักกับแอมมาตั้งแต่ปี 2563 เพราะเคยชักชวนลงทุน และตนเองลงทุนแต่ไม่ขอเปิดจำนวนที่ร่วมลงทุน แต่ได้เงินคืนทั้งหมด รวมถึงแนะนำให้ไปกู้เงินธนาคารเพื่อนำเงินมาเพิ่มในการไปลงทุน โดยตนเองได้เอาสำเนาบัตรประชาชนให้แอมไว้ เพื่อให้ไปสอบถามทางธนาคารว่าติดเคริตบูโร หรือสามารถกู้เงินได้หรือไม่ เหตุนี้จึงทำให้แอมมีที่อยู่ของตนเอง ที่ผ่านมาแอมไม่เคยมาคอนโดฯ ของตน
ส่วนเหตุผลที่ส่งพัสดุไปที่ตนเองนั้นไม่ทราบเพราะอะไร แต่ก่อนหน้านี้ตนเองเคยอธิษฐานถึงก้อยว่าหากเขาเป็นคนผิดให้ก้อยทำอะไรก็ได้ให้รู้ว่าแอมเขาเป็นคนผิด
เมื่อถามว่าเคยโดนกระทำเหมือนเหยื่อรายอื่นๆ หรือไม่ พยานคนนี้ขอไม่ให้ในรายละเอียด แต่ยอมรับว่าเคยโดน รวมถึงไม่ได้กังวลอะไรแล้ว เพราะผ่านจุดที่เคยถูกกระทำมาแล้ว ตอนนั้นไม่ทันได้คิดว่าตนเองถูกกระทำ ถ้าจะให้เอาเรื่องก็ไม่มีหลักฐานแล้วเช่นกัน และหลังจากที่ตนเองถูกกระทำก็ไม่เคยไปกับแอมสองคนอีกเลย ส่วนตัวไม่ได้โลกสวย แต่มองว่าแอมก็เป็นคนใจบุญ ตอนเห็นข่าวยังไม่ได้คิดอะไร แต่พอเห็นข่าวก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ
ทั้งนี้ 3 ปีที่ผ่านมา แอมมักจะปรึกษาเรื่องส่วนตัว เรื่องในครอบครัว และเรื่องทางการเงิน โดยแอมอ้างว่าเล่นแชร์แล้วโดนโกง ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ให้คำแนะนำไปว่าอย่าเล่นแชร์เลย ทำมาหากินอย่างอื่นดีกว่า ส่วนมากจะปรึกษาเรื่องที่อยากปรึกษา ไม่ใช่ทุกเรื่อง ซึ่งตนเองเป็นผู้ฟังที่ดีและแนะนำสิ่งที่ถูกต้อง พร้อมยอมรับว่าแอมเคยยืมเงินตนเองเช่นกัน แต่แค่หลักพัน.-สำนักข่าวไทย