แยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าเสร็จแล้ว เตรียมส่ง 400 เขต

สำนักงาน กกต. 11 พ.ค.- กกต.แยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าเสร็จแล้ว เตรียมส่งทั้ง 400 เขตเรียบร้อย พร้อมบัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร 91 สถานทูต เหลืออีก 3 สถานทูต ทยอยส่งถึงไทย 12 พ.ค.นี้ เตือนโซเชียลหยุดสร้างข่าวเท็จ หลังตรวจพบกว่า 100 เรื่อง ย้ำวิจารณ์ กกต.ได้ แต่อย่าบิดเบือน ทำให้การเลือกตั้งสกปรก


นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการเลือกตั้งขณะนี้ สำนักงานได้ส่งบัตรที่จะใช้เลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ไปถึงทั้ง 400 เขตเรียบร้อยแล้ว และวันนี้ (11 พ.ค.) ได้ส่งบัตรออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ทาง กกต. และไปรษณีย์ ได้ทำการตรวจสอบความถูกต้องของทุกซอง แล้วจะส่งไปยังทุกหน่วยเลือกตั้งทุกเขต รวมถึงส่งบัตรออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่มีการส่งกลับมาแล้วทั้งหมด 91 สถานทูต และสถานกงสุลใหญ่ คิดเป็นร้อยละ 96.8 เหลือเพียง 3 สถานทูต คือ 1. สถานทูตกรุงพริทอเรีย แอฟริกาใต้ 2. สถานทูตกรุงมาปูโต ประเทศโมซัมบิก และ 3. สถานทูตกรุงเม็กซิโก ประเทศเม็กซิโก โดย 2 สถานทูตแรกจะมาถึงในวันนี้ ส่วนของเม็กซิโก จะถึงวันที่ 12 พ.ค. เจ้าหน้าที่ถือเข้ามา ซึ่งจะดำเนินการคัดแยกและส่งไปยัง 400 เขต ในวันที่ 12 พ.ค.66 ต่อไป

นายแสวง กล่าวว่า ช่วงนี้มีการทำข่าวเท็จ ข่าวบิดเบือน ซึ่ง กกต.ตรวจสอบพบกว่า 100 เรื่อง ยกตัวอย่างเช่น มีการแชร์คลิปวิดีโอขณะเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบในเล่มบัตรเลือกตั้ง แต่โซเชียลมีเดียไปกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่กำลังกาบัตร ซึ่งในข้อเท็จจริง บัตรเลือกตั้งที่ปรากฏ เป็นบัตรที่ กกต.จัดส่งไปยัง 400 เขต และประธานอนุกรรมการเขต กำลังรับมอบบัตร โดยเซ็นหน้าปกบัตรตามระเบียบ กกต. เพื่อส่งมอบให้กับกรรมการประจำหน่วย ซึ่งจะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการพลิกเอกสาร หรือกาในบัตรลงคะแนนแต่อย่างใด การที่เราได้เห็นภาพนี้ เพราะสำนักงานได้สั่งให้ถ่ายวิดีโอ เพื่อไม่ให้ใครนำบัตรไปทำอะไร แต่กลับมีการนำภาพดังกล่าวไปบิดเบือนว่า สำนักงานกำลังกาบัตร เป็นต้น ขณะนี้สำนักงานกำลังดำเนินการกับผู้ที่ปล่อยข่าวเท็จเหล่านี้ 


“อยากขอว่า ท่านจะรู้สึกอย่างไร สามารถแสดงความเห็นได้ แต่อย่าบิดเบือนทำให้การเลือกตั้งสกปรก เพราะการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย เราอยู่กันด้วยความจริงและใช้เหตุผล ไม่ใช่อยู่บนความรู้สึกนึกคิดที่ขาดหลักการ เราควรรักษาการเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นทางออกของประเทศ ก็ขอให้รักษาการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย” นายแสวง กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”