กกต. 10 มี.ค.-กกต.โต้การพิจารณาสำนวนฮั้วเลือก สว. ค้างท่อ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ “เลขาฯ แสวง” ไม่จริง เผยทุกขั้นตอนยึดความเป็นอิสระ ไม่แทรกแซง เป็นธรรม ยันทุกสำนวนมอบรองเลขาฯ ดำเนินการ และทุกเรื่องต้องจบที่ดุลพินิจของ กกต.
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ชี้แจงกรณีมีข่าวว่ามีผู้นำหลักฐานการฮั้วเลือก สว.มายื่นให้ กกต. เป็นจำนวนมากถึง 577 เรื่อง และ 9 เดือนที่ผ่านไป กกต. ได้สั่งยกคำร้องฮั้วเลือก สว. ไปอย่างเงียบๆ ถึง 284 เรื่อง เท่ากับคำร้องถูกตีตกไปแล้วเกินครึ่ง เหลือคำร้องที่ยังค้างท่ออีก 287 เรื่อง และอยู่ที่คณะอนุกรรมการอีก 100 เรื่อง ยังรอนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.สั่งการอีก 106 เรื่อง โดยสำนักงาน กกต.ชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง และขอชี้แจงว่าการพิจารณาคำร้อง สำนวน กกต.ได้ออกระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาด โดยมีหลักการในการทำคำร้อง สำนวน คดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งทุกระดับหรือการเลือก สว.ด้วยความเป็นอิสระ ทุกขั้นตอนของการพิจารณาคำร้อง สำนวน เป็นอิสระ ไม่ขึ้นต่อกัน ไม่แทรกแซง ผู้บังคับบัญชาหรือผู้ใด ไม่สามารถแทรกแซงในระหว่างการพิจารณาทำคำร้อง สำนวน ในทุกขั้นตอน
หลักความเป็นธรรม ที่เปิดโอกาสให้ผู้ร้องและผู้ถูกร้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและหลักฐานเกี่ยวกับคำร้อง สำนวน และรวบรวมพยานหลักฐานจนสิ้นกระแสความ และหลักการตรวจสอบซึ่งกันและกัน ทุกคำร้องสำนวน จะนำเข้าที่ประชุม กกต. เช่น คำร้องที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน สั่งไม่รับคำร้องหรือยกคำร้อง ไม่ว่าชั้นใด ต้องเสนอให้ กกต.พิจารณาทุกคำร้องสำนวน
และในขั้นตอนการพิจารณาคำร้อง สำนวน มี 4 ชั้น ชั้นที่ 1 สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัด เมื่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ได้รับสำนวนแล้ว ให้ดำเนินการสืบสวนหรือไต่สวนและจัดทำความเห็น เพื่อเสนอให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมีความเห็นประกอบสำนวน เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ให้จัดส่งสำนวนไปยังสำนักงาน กกต.ส่วนกลางโดยเร็ว
ชั้นที่ 2 สำนักงาน กกต. เมื่อได้รับสำนวนจากสำนักงาน กกต. จังหวัดแล้ว ให้พนักงานสืบสวนและไต่สวนผู้รับผิดชอบสำนวน ดำเนินการวิเคราะห์สำนวนและจัดทำความเห็นเสนอผ่าน ผอ.ฝ่าย รอง ผอ.สำนัก ผอ.สำนัก และเลขาธิการ กกต.
ชั้นที่ 3 คณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง เมื่อคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งได้พิจารณาแล้ว จะทำความเห็น และสำนักงาน กกต. เสนอสำนวนให้ กกต.พิจารณา
และชั้นที่ 4 เมื่อ กกต. ได้รับสำนวน จากคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งแล้ว ต้องพิจารณาชี้ขาดหรือสั่งการโดยเร็ว
ทั้งนี้การสั่งและทำความเห็นของเลขา กกต. ทางเลขาธิการ กกต. ได้มีคำสั่งสำนักงานมอบหมายงานให้รองเลขาธิการ กกต. จำนวน 2 คน ปฏิบัติหน้าที่แทนเลขาธิการ กกต. ในการสั่งหรือทำความเห็นในสำนวนการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองของการเลือกตั้งทุกระดับ การเลือก สว. ซึ่งได้ถือปฏิบัติตามลักษณะดังกล่าวข้างต้นมาโดยตลอด กรณีคอลัมน์ดังกล่าวเขียนว่า “มีสำนวนยังการอ้างมีสำนวนค้างรอให้ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. สั่งการอีก 106 เรื่อง ถ้าเลขา ฯ กกต. สั่งยกคำร้องก็จอดป้ายจึงไม่เป็นความจริง เพราะรองเลขาธิการ กกต. ที่ปฏิบัติหน้าที่แทนเลขาธิการ กกต. จะเป็นผู้สั่งแทน แม้ว่ารองเลขาธิการ กกต. ที่ได้รับมอบหมายปฏิบัติหน้าที่แทน จะสั่งสำนวนอย่างไร เช่น ไม่รับคำร้อง หรือยกคำร้อง หรือมีการสั่งสำนวนในขั้นตอนใด ต้องเสนอให้ กกต.พิจารณาทุกกรณี.-314.-สำนักข่าวไทย