คุมฝากขัง “แอม” ผู้ต้องหาวางยาพิษ ค้านประกันตัว

กทม. 26 เม.ย. – ตำรวจกองปราบ คุมตัว “แอม” ผู้ต้องหาวางยาพิษฆ่าเพื่อนสาวคนสนิท ไปฝากขังต่อศาลอาญา พร้อมคัดค้านประกันตัว ขณะที่ทนายความผู้ต้องหาเตรียมหลักทรัพย์ 4 แสนบาท ยื่นขอประกันตัว


เมื่อเวลา 10.50 น. พนักงานสอบสวนกองปราบปรามคุมตัว น.ส.แอม ผู้ต้องหาวางยา ฆาตกรรม น.ส.ก้อย เพื่อนสาวคนสนิท และพัวพันคดีวางยาพิษฆ่าคนตายอีกนับสิบคดี จากห้องควบคุมกองปราบปรามไปขออำนาจศาลอาญา ฝากขัง

น.ส.แอม อยู่ในชุดคลุมท้อง ซึ่งมีคำยืนยันแล้วว่าตั้งท้อง 4 เดือน ผู้ต้องหามีสีหน้าเรียบเฉย เดินก้มหน้า ไม่ตอบคำถามสื่อฯ ถึงแรงจูงใจในการวางยาฆ่าคนสนิท ก่อนตำรวจจะคุมตัวขึ้นรถออกจากกองปราบไป


พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้ น.ส.แอม ไม่ให้ความร่วมมือในการสอบสวน และปฏิเสธข้อกล่าวหาฆ่านางสาวก้อย โดยจะขอไปให้การในชั้นศาล พนักงานสอบสวนได้ซักถามในประเด็นสงสัยทั้งหมดแล้ว ผู้ต้องหาไม่ให้ความร่วมมือก็ไม่มีผลต่อรูปคดี เนื่องจากตำรวจมีพยานบุคคลสำคัญหลายปาก โดยเฉพาะพยานผู้ชายที่ น.ส.แอม นำขวดไซยาไนด์ และประวัติการตายของนายแด้ สามีคนล่าสุด ซึ่งเป็นเสี่ยปล่อยเงินกู้ที่จังหวัดอุดรธานี ใส่ถุงดำและกำชับให้พยานนำไปฝังดินไว้ หลังปรากฏเป็นข่าว พยานได้นำหลักฐานดังกล่าวมามอบให้ตำรวจจนนำไปสู่การออกหมายจับ น.ส.แอม นอกจากนี้พยานอีกหลายส่วนแน่นหนาเพียงพอดำเนินคดีได้

รองผู้การกองปราบ ยังบอกว่า จากการผ่าชันสูตรศพ น.ส.ก้อย พบว่าในกระเพาะอาหารมีสารไซยาไนด์ ที่เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิต ส่วนขั้นตอนการวางยา คาดว่าเกิดขึ้นระหว่างปั๊มน้ำมันที่ น.ส.แอม และผู้ตาย ซื้อของในร้านสะดวกซื้อ จากนั้นเมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุ น.ส.ก้อยก็วูบหมดสติและเสียชีวิตในที่สุด

เมื่อคืนนี้พนักงานสอบสวนยังได้เชิญรองผู้กำกับสอบสวน สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี อดีตสามี น.ส.แอม มาสอบสวนในประเด็นความสัมพันธ์


นอกจากนี้ยังได้เชิญพยานปากสำคัญที่ น.ส.แอม นำไซยาไนด์ไปฝากฝังดิน มาสอบปากคำ ซึ่งให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

สำหรับ น.ส.แอม หลังถูกจับกุม และถูกตำรวจเค้นสอบ ทำให้เมื่อคืนตอนตี 1 มีภาวะความดันโลหิตสูงถึง 200 เจ้าหน้าที่จึงตามรถฉุกเฉินโรงพยาบาลตำรวจมารับตัวส่งโรงพยาบาล โดยเฝ้าสังเกตอาการถึงเวลาตี 4 พบว่าความดันโลหิตลดลงอยู่ในภาวะปกติ จึงคุมตัวกลับมาที่กองปราบตามเดิม ก่อนนำไปฝากขัง

ด้าน น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ ทนายความของ “แอม” ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เตรียมหลักทรัพย์เงินสด 4 แสนบาท ยื่นประกันตัวผู้ต้องหา มั่นใจต่อสู้คดีได้ พร้อมบอกว่า ส่วนตัวไม่อยากประกันตัว “แอม” ออกมา เนื่องจากเกรงว่าตำรวจจะนำไปอ้างในชั้นศาลว่า น.ส.ก้อย เมื่อประกันตัวแล้วได้ไปยุ่งเหยิงกับหลักฐาน

พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม กล่าวถึงกรณีการสอบปากคำ “แอม” ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” เบื้องต้นให้การปฏิเสธ และยืนยันว่าจะให้การในชั้นศาลเพียงเท่านั้น ซึ่งการสอบปากคำตำรวจได้สอบไปตามรูปคดีและพยานหลักฐานที่ได้มา แต่ตัวผู้ต้องหาไม่ยอมตอบใดๆ

ส่วนหลักฐานชิ้นสำคัญ “ไซยาไนด์” ที่พบที่หลังบ้านของนายสุทธิศักดิ์ หรือแด้ สามีคนล่าสุด ที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ผู้ต้องหาแย้งกลับมาว่าของกลางไม่ได้พบที่ตัวของผู้ต้องหา พ.ต.อ.เอนก บอกว่าผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรก็ได้ ไม่พบหลักฐานที่ตัวก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะตำรวจมีหลักฐานชัดเจนที่เป็นประจักษ์พยานสำคัญ ส่วนแผนประทุษกรรมผู้ต้องหาใช้ความใกล้ชิด ความไว้เนื้อเชื่อใจกับผู้เสียชีวิตก่อนที่จะลงมือ ซึ่งสาเหตุยังเชื่อว่าเป็นผู้ต้องหาทำเพียงคนเดียว และหวังต่อทรัพย์เพียงเท่านั้น

ส่วนการสอบปากคำกลุ่มวัยรุ่น 5 คน ที่ถูกว่าจ้างให้นำขวดไซยาไนด์ไปฝังดิน เบื้องต้นทั้ง 5 คน ไม่ทราบว่าภายในถุงเป็นขวดไซยาไนด์ ส่วนรายละเอียดขอให้อยู่ในสำนวนการสอบสวน รวมถึงยังมีการสอบพยานแวดล้อมไปแล้วกว่า 10 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผล

เมื่อถามว่าไซยาไนด์ซื้อมาจากที่ไหน หรือใครนำมาให้ เบื้องต้น พ.ต.อ.เอนก บอกว่าทราบแหล่งที่มาแล้ว ไม่ใช่ในพื้นที่ที่เกิดเหตุ แต่ตอนนี้มีข้อมูลทั้งหมดแล้ว

ส่วนผู้ที่อ้างว่าตนเองรอดชีวิต ทางพนักงานสอบสวนจะเรียกเข้ามาสอบปากคำ เพราะถือว่าเป็นพยานปากสำคัญที่จะบ่งชี้ถึงแผนประทุษกรรม และปัจจัยอื่นๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก

ส่วนรถที่ใช้ในการก่อเหตุ ตอนนนี้ตำรวจกองปราบฯ จะนำเข้ามาตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติมที่กองปราบปราม รวมถึงเมื่อเช้านี้ตำรวจ พฐ. ได้ตรวจหาละอองของสารไซยาไนด์เพื่อประกอบสำนวน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย