สดุดี “จีเชล เพลิโคต์” ผู้ถูกสามีวางยาให้คนแปลกหน้าข่มขืน

close up shot of Gisele

คำเตือน: เนื้อหาของเหตุการณ์จริงมีความอ่อนไหวอาจไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน


ปารีส 20 ธ.ค.- เรื่องราวของสตรีฝรั่งเศส จีเซล เพลิโคต์ สร้างทั้งความตื่นตกใจ พร้อมกับสร้างแรงบันดาลใจ เธอเป็นเหยื่อของสามีเธอเองที่เชื้อเชิญชายหลายสิบคนร่วมกันวางยานอนหลับเพื่อข่มขืน ล่วงละเมิดทางเพศ และบันทึกภาพไว้ภายในบ้านของเธอเองต่อเนื่องเป็นเวลานับสิบปี

คดีความที่เธอได้ลุกขึ้นสู้ปลุกกระแสเรียกร้องสิทธิ แสดงถึงความกล้าหาญของเธอที่หาได้ยากจากเหยื่อข่มขืน


หลังจากไต่สวนมานานราว  4 เดือน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม 2567 โดมินิก เพลิโคต์ ซึ่งขณะนี้เป็นอดีตสามี วัยเดียวกัน คือ 72 ปี ถูกศาลตัดสินตามอัยการร้องขอโทษจำคุก 20 ปี  ในการไต่สวนนั้นเขาให้การรับสารภาพและได้ขอโทษต่อบาปกรรมที่ทำไว้

sketch of Dominique Pelicot
นายโดมินิก สามี

ส่วนจำเลยร่วมอีก 50 คน มีประวัติ ที่มา อายุและอาชีพ แตกต่างกันไป แต่ทั้งหมดทำผิดลักษณะเดียวกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทุกอย่างปรากฎในภาพวิดีโอและภาพนิ่งหลายพันที่โดมินิกบันทึกไว้เอง รวมถึงข้อความการติดต่อสื่อสารชี้ชวนของโดมินิกกับจำเลยร่วมที่มัดแน่น ทำให้ 47 คนถูกพิพากษามีความผิดฐานข่มขืน 2 คนฐานพยายามข่มขืน และที่เหลืออีก 2 คนฐานละเมิดทางเพศ

พฤติกรรม แฟมิลีแมน ช็อกชุมชนอันแสนสงบ


โดมินิก เพลิโคต์ เป็นอดีตช่างไฟฟ้าและตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ที่คนในชุมชนมองว่า เป็นคนโอบอ้อมอารี มักเห็นเขาร่วมกิจกรรมกับลูกๆ อยู่เสมอ ไม่มีใครคิดว่า จะได้รับรู้ว่า เขานำยานอนหลับผสมกับมันฝรั่งบด กาแฟ ไอศครีม ให้ภรรยารับประทาน แล้วเปิดประตูให้ชายหลายสิบคนเข้ามาข่มขืนถึงในบ้าน

ยิ่งไปกว่านั้นยังพบว่า เขาซุกซ่อนกล้องวีดีโอบันทึกภาพเปลือยของภรรยา ลูกสาว และ ภรรยาของลูกชาย แล้วนำไปเผยแพร่ออนไลน์

คำยินยอมจากสามีเพียงพอหรือไม่

จำเลยร่วมหลายคนได้อ้างว่า พวกเขาได้รับคำเชิญจากสามี เท่ากับว่าเป็นคำยินยอมจากภรรยาแล้ว แต่อัยการแย้งว่า ภาพฟ้องอยู่ว่า จีเซลไม่รู้สึกตัวแล้วจะให้การรับรู้ยินยอมได้อย่างไร

ชายทั้ง 50 คนมาจากพื้นที่ในรัศมี 50 กิโลเมตรของเมืองเล็ก ๆ ชื่อ มาซาน (Mazan) ที่ครอบครัวเพเลโคต์อาศัย มีทั้งคนหนุ่ม คนชรา อายุตั้งแต่ 26 ถึง 74 ปี อาชีพหลากหลาย นักดับเพลิง คนขับรถบรรทุก พนักงานส่งของ ทหาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พัศดี ผู้สื่อข่าว และดีเจ

Mazan, France
มาซาน เมืองที่เกิดเหตุ

อัยการได้ทำสำนวนจำแนกการกระทำของจำเลยแต่ละคน จำนวนครั้งที่มีพฤติกรรมลวนลาม ล่วงละเมิดทางเพศหรือไม่และลักษณะใด

ในการพิจารณาคดี ศาลได้รับฟังเรื่องของแต่ละคนที่มีส่วนร่วมในอาชญากรรมในแบบที่แตกต่างกันไป จำนวนครั้งไม่เท่ากัน ซึ่งต่างเป็นปัจจัยในการทำสำนวนและกำหนดบทลงโทษ ชายคนหนี่งให้การว่า “ผมข่มขืนเธอด้วยร่างกาย แต่สมองของผมไม่ได้สั่งการอย่างนั้น”

Sketch shows courtroom during verdict of French mass rape trial
ภาพการพิจารณาคดีในศาล

จำเลยคนหนึ่งชื่อ โรแม็ง วี วัย 63 ปี เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี ข่มขืนจีเซล เพเลโคต์ ถึง 6 ครั้งโดยไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน แต่โชคดีที่เขาพ้นสภาวะการแพร่เชื้อ

กฎหมายฝรั่งเศสอ่อนด้อยด้านป้องกันการข่มขืน 

กฎหมายข่มขืนของฝรั่งเศสให้นิยามการข่มขืนว่า เป็นการกระทำทางเพศใด ๆ ก็ตามที่กระทำโดย “ความรุนแรง การบังคับ การขู่เข็ญ” โดยไม่มีอ้างอิงถึงการยินยอมใด ๆ

ในการต่อสู้ทางคดี จำเลยโต้แย้งว่า ไม่มีความผิด เพราะไม่รู้ว่าจีเซลไม่อยู่ในสถานะที่จะให้ความยินยอมได้ ยกหัวใจหลักของคดีอาญาที่ต้องมีองค์ประกอบเรื่องเจตนาในการกระทำผิด

เมื่อสามียินยอม ภรรยาก็น่าจะเป็นใจ?

จำเลยหลายคนพยายามต่อสู้ว่า สามีเป็นคนชักชวน ก็ควรจะเพียงพอแล้วว่าสมยอม บางคนอ้างว่าถูกโดมินิกหลอกลวงหรือไม่ก็บังคับไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

แต่ในชั้นศาล โดมินิกยืนกรานซัดทอดทุกคนล้วนกระทำผิดร่วมกับเขาโดยให้การว่า เขาแจ้งชัดเจนว่าภรรยาไม่รู้เรื่องแผนการใด ๆ ด้วยเลย

เลวทรามลามไปอีกครอบครัว

อัยการยังได้ดำเนินคดีฟ้องชายอีกคนหนี่ง ชื่อ ฌ็อง ปีแอร์ มาเรชาล ที่พบกับโดมินิกทางเว็บไซต์ แล้วทั้งสองก็นัดแนะวางแผนร่วมกันโดมินิควางยา ซีเลีย มาเรชาล ภรรยาของเขาเพื่อจะได้ร่วมกันข่มขืน

มาเรชาล จึงถูกเรียกขานว่าเป็น “ลูกศิษย์” ของโดมินิก จากการเรียนรู้วิธีวางยาสลบกับภรรยาเพื่อทำร้ายเธอเป็นเวลา 5 ปี  

ความละอายใจเปลี่ยนข้างไปแล้ว

“ผู้ที่ควรอับอาย ไม่ใช่เหยื่อ แต่ควรเป็นผู้ก่อเหตุต่างหาก” นี่คือสิ่งที่จีเซลบอกกับสังคม หลังจากฟังคำพิพากษา เธอกล่าวกับสื่อมวลชนว่า “พวกเราร่วมสู้ด้วยกัน”

“ในใจของเธอ รำลึกถึงเหยื่อที่ไม่ถูกเปิดเผยตัว เรื่องราวของพวกเขาที่ถูกปกปิดไว้” จีเซลกล่าวพร้อมกับลูกสาวและลูกชายสองคนที่ไปให้กำลังใจในวันพิพากษา    

 “ตั้งแต่เริ่มการพิจารณาคดีมา เธอต้องการให้สังคมร่วมเป็นพยานรับรู้สิ่งที่นำมาตีแผ่ในศาล เธอรู้สึกเชื่อมั่นว่าสังคมจะสร้างอนาคตที่ดีได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าหญิงหรือชาย เพื่อใช้ชีวิตร่วมกันอย่างกลมเกลียวด้วยความเคารพและเข้าใจซี่งกันและกัน”

French newspaper headlines day after rape trial verdict
จีเซล เพลิโคต์

เสียงชื่นชมหลั่งไหลจากทุกสารทิศรวมถึงจากบรรดาผู้นำหลายชาติ นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีของเยอรมนีโพสต์ข้อความว่า “ขอบคุณ – คุณเลือกที่จะเปิดเผยต่อสาธารณชนอย่างกล้าหาญและต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ทำให้ผู้หญิงทั่วโลกมีเสียงที่ดังขึ้น ผู้ก่อเหตุเท่านั้นที่ควรมีความละอาย”

ความกล้าหาญของวีรสตรีที่ชื่อ จีเซล เพลิโคต์

จีเซล เพลิโคต์ ได้รับการชื่นชมจนกลายเป็นหนี่งในสตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของสื่อหลายสำนัก ในคดีข่มขืนที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส เธอสามารถที่จะร้องขอให้การพิจารณาคดีแบบปิดได้เพื่อไม่ให้เรื่องราวกระจายออกไป แต่เธอกลับเรียกร้องให้เปิดเผยทุกอย่างต่อสาธารณชน ด้วยความหวังว่าจะสามารถช่วยเหลือสตรีคนอื่น ๆ ที่ต้องตกเป็นเหยื่อให้เปิดโปงความเลวร้ายออกมาด้วย การเป็นเหยื่อไม่ใช่สิ่งที่น่าอาย คนทำผิดต่างหากที่สมควรละอาย 

ทุกครั้งที่จีเซลเดินทางไปขึ้นศาลหรือปรากฎตัวที่ที่สาธารณะ เธอจะได้รับการต้อนรับ ชื่นชม โห่ร้องให้กำลังใจ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องราวยังปลุกกระแสการชำระล้างทางศีลธรรม รวมไปถึงการปรับปรุงตัวบทกฎหมายของประเทศต่างๆ ให้เท่าทันสังคมมนุษย์ที่เสื่อมโทรมและซับซ้อน.-812(814).-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

ลุ้นผลประชุม JBC ไทย-กัมพูชา

14 มิ.ย.- ประชาชน 2 ประเทศลุ้นผลการประชุม JBC ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว นายเปง สุเพีย ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานว่าก่อนการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา ขณะนี้เป็นการประชุมกลุ่มเล็ก ผ่านไปกว่า 2 ชม. ยังไม่ออกมา ประชาชนสองประเทศลุ้นผลการประชุม ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว .-สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]