แจ้ง 4 ข้อหา ชายขับรถเบียด ตร.ดับ โทษหนักประหารชีวิต

กรุงเทพฯ 24 ก.พ. – แจ้ง 4 ข้อหา ครูสอนขับรถซิ่งเก๋งเบียดชนตำรวจเสียชีวิต ข้อหาเจตนาฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ โทษประหารชีวิต พบเคยถูกจับข้อหาเมาแล้วขับ เมื่อ 5 ปีก่อน ขณะแฟนผู้ตายโพสต์เศร้า


กรณีครูสอนขับรถ จอดรถริมถนนมอเตอร์เวย์ และตำรวจติดตามไปสอบถาม แต่แทนที่เจ้าตัวจะลงมาพูดคุยกับตำรวจดีๆ กลับขึ้นรถแล้วขับหนี รวมถึงหักรถในลักษณะเหมือนขับเบียดชนรถตำรวจที่ขับไล่ตามทำให้ตำรวจทางหลวงนายนั้นเสียชีวิตคาที่ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเข้ามอบตัวเมื่อกลางดึกวานนี้ (23 ก.พ.)

คดีนี้ พันตำรวจโท ธนภณ เอี่ยมสะอาด สารวัตรสอบสวน 2 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง บอกว่า ต้องตั้งข้อหา ฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 289 โทษสถานเดียวคือประหารชีวิต ขณะที่ พันตำรวจเอก ขวัญชัย บุญเพ็ชร ผู้กำกับการ สภ.ลำลูกกา เผยว่าเบื้องต้นได้แจ้งข้อหากับนายกิตติรัช 4 ข้อหา คือ เจตนาฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่, ทำให้เสียทรัพย์, ขับรถประมาทหวาดเสียว และจอดรถในที่ห้ามจอด จากนั้นคุมตัวนายกิตติรัชไปขออำนาจศาลจังหวัดธัญบุรีฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว รวมถึงบอกด้วยว่า จากการตรวจประวัตินายกิตติรัช พบว่า เคยถูกจับในข้อหา เมาแล้วขับ ในพื้นที่ สน.บางชัน เมื่อเดือนเมษายน ปี 60


อย่างไรก็ตาม ในจังหวะที่นายกิตติรัชถูกตำรวจคุมตัวไปส่งศาลฝากขัง นักข่าวพยายามถามย้ำอีกครั้ง ถึงสาเหตุที่ไปขับรถเบียดและชนรถของสิบตำรวจเอกเอกเศรษฐการเสียชีวิต และอยากบอกอะไรกับครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่นายกิตติรัชก้มหน้า ทำเหมือนไม่อยากตอบ แต่ยืนยันว่าไม่ได้เมาแล้วขับ

สำหรับประวัติ สิบตำรวจเอกเศรษฐการ ลอยขามป้อม หรือ หนุ่ม เกิดวันที่ 14 กันยายน 2532 ปัจจุบันอายุ 34 ปี เริ่มรับราชการเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2557 ในตําแหน่งผู้บังคับหมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการควบคุมฝูงชน 2 10 กรกฎาคม 2562 ได้ทำหน้าที่เป็น ผบ.หมู่งานตรวจพิสูจน์มลภาวะ บก.จร. 16 กุมภาพันธ์ 2564 รับราชการในตำแหน่งนี้ที่เสียชีวิต

ส่วนรางวัล เคยได้รับรางวัลจิตอาสาบุคคลดีเด่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะอุตสาหะ ออกตรวจในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุน้ำมันหมด และอุบัติเหตุต่างๆ อย่างเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 ได้ออกตรวจพื้นที่ และพบคุณยายล้มได้รับบาดเจ็บ มีเลือดออกจึงได้ช่วยคุณยายปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนประสานกู้ภัยนำส่งโรงพยาบาล รวมถึงเคยได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรสนับสนุนแพทย์ฉุกเฉิน เกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ฉุกเฉินในเขตเมือง และได้รับความไว้วางใจให้ขับรถนำ ผบ.ตร.ด้วย


ส่วนหากย้อนไปเมื่อวันที่ 21 มีนาคม ปี 60 จะพบว่ามีการแชร์ภาพสิบตำรวจเอกเศรษฐการ ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับรถพยาบาล ในชั่วโมงเร่งด่วนที่การจราจรติดขัดอย่างหนัก แม้ไม่ใช่เป็นหน้าที่ แต่ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ จนภาพดังกล่าวกลายเป็นไวรัลในโซเชียล

ส่วนเมื่อวันที่ 23 เมษายนปีก่อน เพจเฟซบุ๊ก ตำรวจทางหลวง เผยแพร่คลิป ขณะสิบตำรวจเอกเศรษฐการออกตรวจพื้นที่บริเวณต่างระดับธัญบุรี ก่อนจะพบ “สุนัข” พันธุ์ไทย สีดำ เดินอยู่บนช่องทางเดินรถช่องขวาสุด เกรงว่าจะถูกรถชน จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัย ช่วยกันอุ้มออกนอกเส้นทาง พร้อมนำตัวไปที่สถานีและช่วยกันดูแลอย่างดี และประกาศตามหาเจ้าของ

เช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 20 กันยายน สิบตำรวจเอกเศรษฐการได้ช่วยเหลือชายคนหนึ่งที่ต้องรีบไปสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อกลับสหรัฐ แต่คนขับรถหลงทาง ฝนตกหนัก ใกล้ถึงเวลาเช็กอิน กลัวจะไปไม่ทัน สิบตำรวจเอกเศรษฐการจึงใช้รถวิทยุขับนำทางไปสนามบิน พร้อมประสานตำรวจท่องเที่ยวประจำสนามบิน อำนวยความสะดวกให้ กระทั่งชายคนดังกล่าวเดินทางถึงสนามบินและเช็กอินขึ้นเครื่องได้ทันเวลา และตำรวจหนุ่มน้ำดีในที่ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา กำลังจะเตรียมเข้าพิธีวิวาห์กับแฟนสาวในเร็วๆ นี้ด้วย

แฟนสาวของ สิบตำรวจเอกเศรษฐการ ได้โพสต์ IG เป็นภาพที่ทั้ง 2 คน ถ่ายร่วมเฟรมกัน พร้อมเขียนข้อความว่า “ภาพนี้เป็นภาพสุดท้ายที่เราถ่ายด้วยกัน และเป็นการเจอหน้ากันครั้งสุดท้าย เอฟยังจำได้ภาพนี้พี่บอกพี่อ้วน พี่ไม่หล่อ เอฟสวยอยู่คนเดียว (แต่ยังไงพี่ก็หล่อสำหรับเอฟเสมอนะ)”

“เอฟเลยตอบพี่ว่าก็พี่อ้วนเองอ่ะ แล้วเราก็หัวเราะกัน ต่อไปนี้เอฟขอให้พี่ไปเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ไปสู่ภูมิภพที่ดี พี่ไม่ต้องเหนื่อยแล้วนะ มันคงถึงเวลาพักของพี่แล้ว พี่ไม่ต้องเป็นห่วงเอฟ เอฟจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด พ่อ แม่ น้อง พี่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เอฟจะดูแลให้ เพราะเราเหมือนครอบครัวเดียวกัน”

“เอฟจะเข้มแข็งอยู่ให้ได้ เอฟอยากให้พี่รับรู้นะว่าทุกคนรักพี่มาก พี่เป็นคนดีจริงๆทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่เคยให้ร้ายใครแต่ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ มันไม่ควรเกิดเรื่องแบบนี้กับพี่เลยจริงๆ ขอบคุณที่คอยอยู่ข้างๆกันเสมอมาไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข ขอบคุณที่คอยตามใจทุกอย่าง ขอบคุณที่ให้เกียรติกันเสมอมา รักและคิดถึงพี่เสมอนะ #R.I.P พี่หนุ่ม ผู้ชายที่คอยเป็นทุกอย่างให้เอฟ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”