ฉะเชิงเทรา 18 ม.ค.- สัตวแพทย์กรมอุทยานแห่งชาติฯ สามารถเข้าถึงตัวช้างป่าที่บาดเจ็บในพื้นที่ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา แล้ว โดยพบว่า 1 ใน 2 ตัวมีภาวะลำไส้ปลิ้น และขาหน้าซ้ายพิการ โดยมีแผลอยู่ จึงรักษาด้วยการดันลำไส้กลับเข้าไปในลำตัว แล้วรักษาแผล ส่วนอีกตัวเดินผิดปกติ พบว่าเกิดจากความพิการของขา แต่ไม่มีบาดแผล
นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) กล่าวว่า ทีมสัตวแพทย์และชุดเจ้าหน้าที่ที่ติดตามค้นหาช้างป่าบาดเจ็บในพื้นที่อ่างเตย หมู่ที่ 9 ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา สามารถเข้าถึงตัวช้างป่าทั้ง 2 ตัวแล้ว
วานนี้ (17 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ติดตามโดยการใช้โดรนตรวจจับความร้อนบินสำรวจทางอากาศเพื่อค้นหาร่องรอยการหากินและการใช้พื้นที่ของช้างป่าทั้งสองตัว ปรากฏว่าพบร่องรอยการหากินและใช้พื้นที่เป็นที่อยู่อาศัยบริเวณหลังบ้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 จึงวางแผนและทำการรักษา
จนกระทั่งเช้าวันนี้ (18 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ยังคงติดตามร่องรอยต่อเนื่องจากตอนกลางคืน ทำให้ทราบว่าช้างป่าทั้ง 2 ตัวยังใช้พื้นที่หากินเดิมและเห็นตัวช้างอย่างชัดเจน จึงประสานมาทางทีมสัตวแพทย์เพื่อเข้ายิงยาซึมเพื่อเข้ารักษาช้างป่าตัวที่มีลักษณะคล้ายก้อนเนื้ออยู่บริเวณท้ายลำตัว
ต่อมาเวลา 16.00 น. เริ่มยิงยาซึม เมื่อช้างหยุดนิ่ง สัตวแพทย์เข้าตรวจร่างกาย พบว่าป่วยด้วยด้วยภาวะลำไส้ตรงปลิ้น (Rectal prolapse) อีกทั้งมีปัญหาขาหน้าด้านซ้ายพิการและเป็นแผล จึงได้ให้ยาลดการบวมของลำไส้ แล้วดันกลับเข้าไปภายใน เย็บปิดเพื่อป้องกันการปลิ้นออกมาซ้ำ จากนั้นรักษาบาดแผลทั้งที่ทวารหนักและขาหน้าซ้าย หลังจากรักษาเสร็จสิ้น จึงให้ยาฟื้นจากยาซึม
นายสัตวแพทย์ไพโรจน์ พรมวัฒกล่าวว่าจะยังคงติดตามอาการและประเมินการรักษาช้างป่าตัวนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเฝ้าระวังอาการแทรกซ้อน โดยอีกประมาณ 10 วัน จะยิงยาซึมอีกครั้งเพื่อตัดไหม
ส่วนช้างอีกตัวซึ่งมีอาการเดินผิดปกติ เมื่อเข้าตรวจสอบในระยะใกล้พบว่า เกิดจากความพิการของขาหน้า แต่ไม่มีบาดแผล.-สำนักข่าวไทย