นายกฯ ปราศรัยวันขึ้นปีใหม่ ส่งความรัก ความปรารถนาดีถึงคนไทย

กรุงเทพฯ 31 ธ.ค. – นายกรัฐมนตรี กล่าวคำปราศรัย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2566 ส่งความรัก ความปรารถนาดีถึงประชาชนชาวไทยทุกคน เชื่อมั่นพลังแห่งความรัก ความสามัคคีของทุกคน จะหนุนนำให้ชาติบ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และความท้าทายต่างๆ ไปได้ด้วยดี มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน


นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 31 ธันวาคม 2565 เวลาประมาณ 20.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวคำปราศรัยผ่านบันทึกเสียง เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 เผยแพร่ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย คลื่น FM.92.50 MHz และ AM 819,891 และเผยแพร่ผ่านบันทึกวีดิทัศน์ ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันที่ 1 มกราคม 2566 เวลา 00.01 น. ส่งความรัก ระลึกถึง และความปรารถนาดีถึงประชาชนชาวไทยทุกคน ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เนื่องในศุภวาระขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 ขอส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมายังประชาชนชาวไทยทุกคน และขอเชิญชวนปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ร่วมใจกันตั้งจิตอธิษฐาน อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดดลบันดาลประทานพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงพระเจริญด้วยพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ มีพระราชประสงค์จำนงค์หมายสิ่งใด ขอจงสัมฤทธิ์ดังพระราชหฤทัยปรารถนา ทรงสถิตเป็นมิ่งขวัญร่มเกล้าแก่เหล่าพสกนิกรชาวไทย ตราบนิจนิรันดร์


นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมาว่า ถือเป็น “ปีแห่งชัยชนะ” ของประเทศไทยที่สามารถก้าวผ่านวิกฤตซ้อนวิกฤต ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนทั้งโลก โดยชัยชนะแรก คือ ชัยชนะเหนือสงครามโควิด ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนทั้งชาติ เอาชนะอุปสรรคนานัปการ เสียสละ อดทน และร่วมมือกันทำตามคำแนะนำ และมาตรการด้านสาธารณสุข จนสามารถกลับมาประกอบอาชีพ ใช้ชีวิต และไปมาหาสู่กันได้ แบบ New normal ซึ่งทั่วโลกให้การยอมรับ และถือเป็นโมเดลแห่งความสำเร็จหนึ่งของโลก รวมทั้งสามารถเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มากกว่าเป้าหมาย 10 ล้านคน ยิ่งกว่านั้นยังสามารถสร้างความเชื่อมั่น และประสบความสำเร็จอย่างสูง ในการเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมสุดยอดผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 ตลอดจนการประชุมที่เกี่ยวเนื่อง อีกนับร้อยเวทีการประชุม และการเป็นเจ้าบ้านที่ดีของชาวไทยทั้งประเทศ ที่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศที่ดี ต่อการแสวงหาความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ อีกทั้งยกระดับบทบาทของไทยในเวทีโลกให้โดดเด่นขึ้น

ชัยชนะต่อมา คือ ไม่เพียงประเทศไทยจะสามารถรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และลดผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในภาพรวม จากความขัดแย้งทางการเมือง และภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศในช่วงปีที่ผ่านมาแล้ว ไทยยังสามารถพลิกสถานการณ์ภาคเศรษฐกิจที่ทั่วโลกกำลังซบเซา โดยการส่งออกของไทยยังเข้มแข็งต่อเนื่อง การค้าขายก็เริ่มมีสัญญาณที่ดี การลงทุนยิ่งกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง และการท่องเที่ยวก็กำลังฟื้นตัวแรง ซึ่งเชื่อมั่นว่ากิจกรรมเหล่านี้จะเป็นเครื่องยนต์สำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไปในปีหน้า และปีถัด ๆ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพลิกบทบาทของประเทศ ไปสู่ฐานการผลิตและส่งออกยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV รวมทั้งชิ้นส่วนอะไหล่ ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นผลมาจากความชัดเจนในระดับนโยบาย การมียุทธศาสตร์ชาติระยะยาว และการเร่งรัดลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ๆ ของประเทศ ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนความจริงใจของรัฐบาล และสร้างความเชื่อมั่นประเทศไทยในสายตาชาวโลก

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปีหน้า และต่อจากนี้ไปว่า ยังมีความท้าทายด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ต้องเผชิญอีกหลายประการ รวมทั้งวิกฤตซ้อนวิกฤตข้างต้น ก็ยังไม่รู้ว่าจะยุติลงเมื่อใด แต่เชื่อว่าพลังแห่งความรัก ความสามัคคี ของทุกคน จะหนุนนำให้ชาติบ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และความท้าทายเหล่านั้นไปได้ด้วยดี มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน บรรลุตามเป้าหมายร่วมกัน ที่ได้กำหนดเอาไว้ โดยขอเชิญชวนให้ร่วมกันปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติอีกครั้ง คือ ประการแรก ยังคง “ไม่ประมาท การ์ดไม่ตก” เพื่อลดความเสี่ยง และเน้นการป้องกัน ไม่ให้โควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดใหญ่ซ้ำอีก ประการที่ 2 เป็น “เจ้าบ้านที่ดี” ต้อนรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ นักลงทุน จากทั่วโลก เพื่อให้ชาวต่างชาติรู้สึกประทับใจ อบอุ่น และปลอดภัย เมื่ออยู่เมืองไทย…เหมือนอยู่บ้านตนเอง และประการที่ 3 เป็น “พลเมืองที่ดี” โดยทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มศักยภาพ และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศและสังคม ให้เจริญก้าวหน้าอย่างแข็งแกร่งต่อไป


นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าช่วงบรรยากาศแห่งความสุขในการต้อนรับปีใหม่นี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะได้ใช้เวลาอันมีค่าร่วมกับครอบครัว พี่น้อง และญาติมิตรอย่างมีความสุข มอบความรักและความปรารถนาดีให้เป็นของขวัญอันประเสริฐแก่กันและกัน เฉลิมฉลองอย่างมีสติและไม่ประมาท มีน้ำใจและเอื้ออาทรต่อผู้ร่วมทางในการเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ เพื่อให้เทศกาลแห่งความอบอุ่นนี้ มีแต่ความทรงจำที่ดี ก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ด้วยความสดชื่นแจ่มใส เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังบวก พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัครทุกคน ที่ปฏิบัติงานอยู่ตามแนวชายแดน หรือพื้นที่ธุรกันดารห่างไกล และพื้นที่ประสบภัยต่าง ๆ ทั่วประเทศ ในการช่วยเหลือ ดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ให้อยู่ในความปลอดภัยเป็นอย่างดี ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา และขอเป็นกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง ที่คอยอำนวยความสะดวก และดูแลช่วยเหลือประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาด้วยความราบรื่น เพื่อร่วมกันเติมความสุขให้คนไทยจากใจจริง

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวอวยพรเนื่องในวาระอันเป็นศุภมิ่งมงคลขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทุกคนเคารพนับถือ อีกทั้ง เดชะพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี โปรดดลบันดาลประทานพร ให้ประชาชนชาวไทยที่เคารพรักทุกคน ประสบแต่สิ่งอันเป็นมงคล มีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากภยันอันตรายทั้งปวง มีกำลังกาย กำลังใจ และกำลังสติปัญญา ที่เข้มแข็ง และขอจงสัมฤทธิผลดั่งใจ ในสิ่งพึงปรารถนาทุกประการโดยทั่วกัน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

“ชัชชาติ” รับหลักฐานบางส่วนเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

“ชัชชาติ” นำทีม กทม. พบ นายกฯ รายงานคืบหน้ากู้ซากอาคาร สตง. ถล่ม ย้ำ รัฐ-เอกชน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ขาดเหลือด้านใด เผย นายกฯ ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง พร้อมให้ความร่วมมือตำรวจเก็บหลักฐาน แนะ ไปหน้างานประสานเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานได้เลย ยอมรับ หลักฐานบางส่วนพังเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

ปิดเขาล้อมจับมือปืนลำดับ 93 หนีคดี 10 ปี

ปฏิบัติการบุกขึ้นเขาปิดล้อม จับกุมมือปืนคนสำคัญ ลำดับ 93 ค่าหัว 1 แสนบาท ก่อเหตุอุกอาจหนีคดีมา 10 ปี แต่สุดท้ายไม่รอดมือตำรวจ

“อันวาร์” โพสต์ภาพคุย “ทักษิณ” พร้อมคณะ สร้างสันติภาพเมียนมา

“อันวาร์” ประธานอาเซียน โพสต์ภาพคุย “ทักษิณ” พร้อมคณะ แลกเปลี่ยนการสร้างสันติภาพในเมียนมา ก่อนประชุมทางไกลหารือ NUG

ตึกถล่ม

นายกฯ เผยตำรวจรวบรวมหลักฐานแล้ว ตึก สตง.ถล่ม จ่อหมายจับเร็วๆ นี้

นายกฯ ถก ผบ.ตร.-อธิบดีดีเอสไอ คืบหน้าคดีอาคาร สตง. ถล่ม ระบุตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว เตรียมออกหมายจับเร็วๆ นี้ ย้ำต้องมีผู้รับผิดชอบ กระทุ้งหน่วยงานให้ความร่วมมือส่งข้อมูล-เอกสาร เพื่อหารายละเอียดเอาผิด ย้ำรับไม่ได้สูญเสียหลายชีวิต