นายกฯ วอนคนไทยร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดีจัดประชุมเอเปค

กรุงพนมเปญ 12 พ.ย.- “พล.อ.ประยุทธ์” วอนคนไทยร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดีในการจัดประชุมเอเปค ขออย่าทำให้เสียโอกาส


พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 40 และ 41 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ว่า นอกจากความร่วมมือด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังมีความร่วมมือด้านความมั่นคง ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเดินหน้าไปได้ ซึ่งในโอกาสที่มาร่วมประชุมได้พูดคุยกับเพื่อนสมาชิก ทั้งในที่ประชุมและในห้องรับรอง ซึ่งแต่ละประเทศคิดตรงกันว่า ต้องการให้เกิดความสงบ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนไทยต้องร่วมมือกันรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศ เนื่องจากไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ผู้นำเขตเศรษฐกิจ หรือเอเปค ซึ่งถือเป็นหน้าตาของประเทศ จึงขอความร่วมมือทุกฝ่าย ว่า อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ก็ทราบอยู่แล้ว พร้อมกันนี้ฝากคนไทยช่วยเป็นกำลังใจให้กับประเทศของตัวเอง

“เดินหน้าขับเคลื่อนเพื่อให้ประเทศไทยมีที่ยืนในโลกใบนี้อย่างภาคภูมิใจ หลายคนบอกว่า ผมทำเพื่อชื่อเสียง แต่ความจริงไม่ใช่เพื่อตัวเอง ทำให้คนไทยทุกคน ในวันนี้ วันหน้า และอนาคตของพวกเราทุกคน หวังว่าการประชุมเอเปคในครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ต้องขอบคุณทุกฝ่าย ในกำลังใจ และเราต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพราะเรากำลังทำเพื่อประเทศของเรา เพื่ออนาคตของคนรุ่นหลัง ลูกหลานของเราที่ยังอายุน้อยๆ เราต้องทำให้เขา ต้องขอบคุณคนไทยทุกคนด้วยนะครับ และชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย ที่ทำธุรกิจต่างๆ มีหลายอย่างก็ดีขึ้น จากที่ติดตามตอนนี้เศรษฐกิจและการลงทุนมีมากขึ้น นั่นคือโอกาสของเรา อย่าทำให้เสียโอกาสของตัวเองในฐานะเป็นคนไทยด้วยกัน” นายกรัฐมนตรีกล่าว


นายกรัฐมนตรี ยังขอบคุณทุกส่วนงานที่ร่วมกันทำงาน ซึ่งตอนอยู่ที่กัมพูชาก็ได้รับรายงานทุกวันถึงความคืบหน้า ว่า ทำไปถึงไหน อย่างไร มีการประชุมเตรียมการและสารัตถะ รวมถึงการเตรียมการดูแลของฝ่ายความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย รวมถึงหน่วยงานประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้ทุกคนทำให้ดีที่สุด และทุกประเทศก็คาดหวังไปเจอเราที่กรุงเทพฯ เพราะหลายคนบอกว่าอยากไป วันนี้บ้านเมืองเปลี่ยนไปเยอะ หลายปีที่ผ่านมา เราพัฒนา และผู้นำก็อยากเห็นหอประชุมของไทยด้วย เพราะเราทำศูนย์ประชุมใหม่ และมีสวนสาธารณะอยู่ใกล้ๆ ซึ่งคนที่ไปร่วมประชุมจะได้เห็นว่า หลายปีที่ผ่านมา ไทยพัฒนาไปถึงไหน โดยเฉพาะช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป็นการประชุมผ่านระบบออนไลน์ไม่ได้เห็นของจริง แต่วันนี้เป็น on site ที่ทุกคนเจอหน้ากัน ก็ฝากคนไทยทุกคนช่วยเป็นเจ้าบ้านที่ดี

ทั้งนี้ใช้เวลาเตรียมการมาเป็นปี จึงไม่อยากให้ทุกอย่างไม่เรียบร้อย ซึ่งมาที่กัมพูชาก็เห็นว่าการประชุมทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยด้วยดี เป็นเจ้าภาพที่ดี ทุกคนมีความสุข พอใจที่ได้หารือกัน ทั้งในห้องประชุม ห้องอาหาร คุยกันตลอดเวลา แสดงให้เห็นความเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล