นครราชสีมา 23 ก.ย.- สาวทุบรถป้ายแดงประชดศูนย์ หลังซื้อด้วยเงินสดกว่า 1.4 ล้านบาท ใช้งานไม่ถึง 1,000 กม. เกิดปัญหาหลายอย่าง ด้านบริษัทรถแจงรถอาจรวนเพราะลูกค้าติดตั้งอุปกรณ์เสริม เจ้าของรถยืนยันถอดแล้ว ก็ยังมีปัญหาเหมือนเดิม ทำใจจะซ่อมกระจกรถที่ทุบและขายตามสภาพ
ความคืบหน้ากรณีนางสาวรุ่งหทัย อายุ 42 ปี นักธุรกิจส่วนตัว ใช้เหล็กชะแลงทุบรถยนต์อเนกประสงค์ป้ายแดงยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งซื้อด้วยเงินสดมาในราคา 1,470,000 บาท เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ใช้งานได้ไม่ถึง 1,000 กิโลเมตร รถมีปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดลมยาง หน้าจอไม่สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์แอนดรอยด์ได้ ระบบเซ็นเซอร์เปิดหลังไม่ได้ สตาร์ทรถเครื่องสั่นทั้งคัน และระบบเกียร์ถอยหลังมีปัญหา นำรถไปเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็ก ได้รับคำตอบว่า “รถปกติดี”
ก่อนหน้านี้ มีการร้องเรียนคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ.นครราชสีมา เพื่อไกล่เกลี่ยแก้ปัญหาหาข้อยุติ โดยลูกค้าขอเปลี่ยนรถคันใหม่ และขอเพิ่มเงินให้อีก 300,000 บาท แต่ทางศูนย์ปฏิเสธ จึงตกลงกันไม่ได้ แถมถูกท้าทายให้ต่อสู้กันในชั้นศาล กระทั่งสุดทนตัดสินใจทุบรถ พร้อมประกาศขายรถคันที่มีปัญหา เพื่อนำเงินไปซื้อยี่ห้อใหม่
ต่อมาบริษัทรถยนต์ที่มีปัญหาออกหนังสือแจ้งกรณีที่เกิดขึ้น พบว่าลูกค้าติดตั้งเครื่องฟอกอากาศเป็นอุปกรณ์เสริม ทำให้อาจส่งคลื่นความถี่ที่มีผลต่อระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง
ล่าสุด น.ส.รุ่งหทัย กล่าวชี้แจงทางโทรศัพท์เพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ศูนย์ท้วงติงเรื่องเครื่องฟอกอากาศ ตนก็ยอมถอดสายระบบเชื่อมต่อออกแล้ว แต่อาการของรถยังมีปัญหาเหมือนเดิม จึงเชื่อว่าไม่น่าเกี่ยวกับเครื่องฟอกอากาศ เพราะเคยใช้กับรถยนต์รุ่นอื่นก็ไม่เคยมีปัญหา ระบบเซ็นเซอร์ลมยางยังบกพร่องเหมือนเดิม หรือหากเกี่ยวข้องกับคลื่นความถี่จริง ถ้าเป็นอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีคลื่นความถี่ เช่น วิทยุสื่อสาร ถูกนำไปใช้ในรถคันนี้ หรือวิ่งผ่านสถานีวิทยุที่มีคลื่นความถี่สูง จะไม่เกิดปัญหารุนแรงกว่านี้หรือไม่
ถึงตอนนี้ไม่ต้องการตอบโต้ใดๆ อีก เพราะถือว่าเราร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อนมาจนสุดทางแล้ว หากยอมเปลี่ยนรถคันใหม่ให้ ตนก็คงไม่เอาแล้ว ถึงตอนนี้ยืนยันตั้งใจนำรถไปซ่อมกระจกที่ทุบแตก แล้วจะประกาศขายรถ ได้เงินเท่าไรก็จะนำไปเป็นทุนซื้อรถยนต์ยี่ห้ออื่น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ให้ความเชื่อมั่นอย่างมากกับรถยนต์ยี่ห้อนี้.-สำนักข่าวไทย