นนทบุรี 28 มี.ค. – กระทรวงพาณิชย์เร่งทำความเข้าใจผู้เกี่ยวข้องถึงแนวทางการปฏิบัติสอดรับแบบสำรวจความคิดเห็นของธนาคารโลก พร้อมเตรียมเปิดให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลอิเล็กทรอนิกส์ 18 เม.ย.นี้ เพื่อผลักดันอันดับความยากง่ายการทำธุรกิจของไทยดีขึ้นแบบก้าวกระโดด
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยในงานสัมมนา เรื่อง “การอำนวยความสะดวกในการเริ่มต้นธุรกิจ” เพื่อชี้แจงความคืบหน้าและแนวทางการสำรวจการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจด้านการเริ่มต้นธุรกิจ ตามรายงานการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ หรือ Doing Business ของธนาคารโลก จัดโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงาน ก.พ.ร.และธนาคารโลก เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้แทนสำนักงานบัญชีและสำนักงานกฎหมายกว่า 250 ราย เข้ารับฟังแนวทางการปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและสอดรับกับแบบสำรวจความคิดเห็นของธนาคารโลก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลในประเทศไทยช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจนถึงประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ ก่อนที่รวบรวมไปจัดทำรายงานการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการเข้าไปประกอบธุรกิจ ประจำปี 2018 ซึ่งจะประกาศผลในช่วงเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้ ทุก ๆ ปี ธนาคารโลกจะสำรวจความคิดเห็นของหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจเกี่ยวกับกระบวนการ ขั้นตอน ระยะเวลาการให้บริการ ค่าใช้จ่าย ระบบอำนวยความสะดวกของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ของภาครัฐ จาก 190 ประเทศทั่วโลก โดยมีตัวชี้วัดการสำรวจทั้งหมด 10 ด้าน ได้แก่ การเริ่มต้นธุรกิจ การขออนุญาตก่อสร้าง การขอใช้ไฟฟ้า การจดทะเบียนสินทรัพย์ การได้รับสินเชื่อ การคุ้มครองผู้ลงทุน การชำระภาษี การค้าระหว่างประเทศ การบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง และการแก้ไขปัญหาล้มละลาย เพื่อจัดทำรายงานการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นหน่วยงานหลักในการปรับปรุงการบริการตัวชี้วัดด้านการเริ่มต้นธุรกิจ ซึ่งนอกจากจะมีการลดขั้นตอนการส่งงบดุลทางอิเล็กทรอนิกส์และการออกกฏหมายหลักประกันทางธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้นนั้น ยังเตรียมเปิดให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Registration โดยระหว่างนี้เปิดให้ผู้ประกอบการยืนยันตัวตน ก่อนจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการวันที่ 18 เมษายนนี้ โดยจะให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่เริ่มต้นจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ เปลี่ยนแปลง จนถึงเลิกประกอบธุรกิจ จะสามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการได้รับความรวดเร็ว ลดการใช้เอกสาร ลดค่าใช้จ่าย และระยะเวลาการเดินทางมาติดต่อเจ้าหน้าที่นายทะเบียน และสามารถดำเนินการได้ทุกที่ ทุกเวลา ทำให้ผู้ประกอบการใช้ชีวิตในการดำเนินธุรกิจง่ายมากยิ่งขึ้น
“มั่นใจรายงานการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ ประจำปี 2018 ของไทยจะดีขึ้นแบบก้าวกระโดด หรือขยับมาอยู่ใน 30 อันดับแรก จาก 190 ประเทศ ตามเป้าหมายรัฐบาล จากอันดับที่ 46 ในปี 2017 ส่วนตัวชี้วัดด้านการเริ่มต้นธุรกิจจะขยับแบบก้าวกระโดดเช่นกัน จากปีนี้อยู่ในอันดับที่ 78 ซึ่งจะส่งผลดีต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย” น.ส.บรรจงจิตต์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย