นนทบุรี 10 พ.ย. – กระทรวงพาณิชย์ประเมินระยะสั้นไทยยังไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงประธานาธิบดีสหรัฐ ส่วนกรณีไทยจะตัดสินใจเข้าร่วม TPP หรือไม่ ยังต้องรอให้รัฐบาลใหม่ของสหรัฐประกาศนโยบายชัดเจนก่อน ขณะที่การส่งออกปีหน้ามั่นใจเติบโตร้อยละ 3
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐนั้น ไทยถือว่าอยู่ในช่วงการติดตามสถานการณ์ เพราะสหรัฐยังไม่มีการแถลงนโยบายอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยงและไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก แต่ยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะดีขึ้นไตรมาส 4 เนื่องจากไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ขณะที่ภาคการค้าของไทยโดยเฉพาะการส่งออกไปยังสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย (หากไม่นับอาเซียน 10 ประเทศรวมกัน) โดยปี 2558 ไทยมีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐ 24,055 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 11.2 ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด เชื่อว่าจะยังไม่ได้รับผลกระทบในระยะสั้นนี้ โดยการส่งออกของไทยไปตลาดสหรัฐจะขยายตัวร้อยละ 1 ตามเป้าหมาย และปีหน้าน่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 3 ตามปัจจัยพื้นฐานเดิมที่ยังไม่รวมนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่สหรัฐ ขณะที่ภาพรวมการส่งออกของไทยปีหน้าน่าจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ร้อยละ 3
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผู้ประกอบการไทยยังมีสิทธิพิเศษทางภาษีศุลากากร หรือ GSP กับสหรัฐ ที่ยังใช้ได้อยู่ แต่ขอให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายเล็กเตรียมปรับตัว เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงและความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งการกระจายความเสี่ยงด้านตลาดส่งออก อย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลางและอิหร่าน รวมทั้งยังจะใช้ประโยชน์จากจุดเด่นทางภูมิศาสตร์ที่ไทยอยู่ระหว่างจีนและอินเดีย ซึ่งจากแนวโน้มการค้าของโลกจะเห็นว่าการเติบโตของเศรษฐกิจอยู่ในทวีปเอเชียเป็นหลักโดยเฉพาะอาเซียน ซึ่งไทยจะใช้ยุทธศาสตร์ความเป็นหุ้นส่วนทางการค้ากับอาเซียน เพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
ส่วนการรับรองความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ TPP และการกำหนดอัตราภาษี ซึ่งในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ก็จะเร่งรัดการตรวจรับผลการศึกษาข้อดี-ข้อเสียของการเข้าร่วมกับ TPP เพื่อจะนำข้อมูลมาใช้ประกอบการพิจารณา ซึ่งขณะนี้ไทยยังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ เรื่อง TPP เช่นเดียวกับการเจรจาเปิดเขตการค้าเสรี หรือ FTA กับสหรัฐ ก็ยังต้องรอดูนโยบายใหม่ที่ชัดเจนก่อน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะปรับการเจรจาไปสู่รายอุตสาหกรรมแทนที่จะเจรจาเต็มให้เสร็จไปทีเดียวทั้งฉบับ.-สำนักข่าวไทย