กระทรวงการคลัง 5 ม.ค. – นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า แนวโน้มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ปี 2560 คาดว่าจะขยายตัวถึงร้อยละ 4 หากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐออกมาตามแผน ประกอบกับการส่งออกขยายตัวดีต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปี 2560 รัฐบาลอยากเห็นเอกชนเข้ามาลงทุนเพิ่ม เพื่อเป็นแรงส่งเศรษฐกิจ ดังนั้น จึงเตรียมที่จะขยายมาตรการส่งเสริมให้เอกชนลงทุน โดยสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ซึ่งเป็นมาตรการที่หมดอายุไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
“ปี 2560 หากการเมืองไปได้ โครงการต่าง ๆ ออกมา เชื่อว่าเศรษฐกิจคงโตได้ถึงร้อยละ 4 แต่ต้องให้เอกชนลงทุนด้วย จะหวังแค่การส่งออกคงเป็นไปไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาสินค้าหลายอย่าง ทั้งข้าว ยาง อิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ ยังอยู่ที่เดิมไม่ได้มีการพัฒนา หรือเพิ่มประสิทธิภาพ เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะต้องเร่งเพิ่มประสิทธิภาพและอัพเกรดสิ่งที่มีอยู่ให้ได้”นายสมคิด กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้มอบการบ้านให้กระทรวงการคลังดำเนินการในปี 2560 ประกอบด้วย 1.การดูแลสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งที่ผ่านมาดำเนินการไปแล้ว เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ การสนับสนุนการจ้างงานผู้สูงอายุ สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ การสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ แต่อาจยังไม่เพียงพอ จึงมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เป็นหน่วยงานหลักในการหามาตรการออกมาเป็นแพ็คเกจ โดยร่วมกับสถานพยาบาล ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เป็นต้น
2.การดูแลเรื่องความเท่าเทียม ซึ่งเป็นสิ่งที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยากเห็นการแก้ไขปัญหา โดยที่ผ่านมามีการลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการของรัฐ หลังจากนี้การช่วยเหลือในส่วนของสวัสดิการนั้น ก็จะระบุกลุ่มที่ชัดเจน จะต้องมีเงื่อนไข ว่าให้กลุ่มไหน และต้องการให้พัฒนาอะไรบ้าง เพื่อเป็นการเกื้อกูลคนจน ขณะเดียวกันยังได้มอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมกับ สศค.เร่งดำเนินการในเรื่องของสถาบันการเงินชุมชนและธนาคารที่ดิน เพื่อดูแลกลุ่มที่มีที่ดินแต่ไม่มีเงิน โดยแนวทางการดำเนินการอย่างไรนั้น ได้ให้เวลา 3 เดือนไปดำเนินการก่อนที่จะเสนอให้ตนรับทราบอีกครั้ง
3.ด้านการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งคาดว่าภายในปลายเดือนมกราคม 2560 จะมีแคมเปญออกมา ซึ่งจะเป็นการดูแลทั้งลูกหนี้ เจ้าหนี้นอกระบบ ซึ่งในส่วนของลูกหนี้จะให้เข้ามาอยู่ในระบบ ด้านเจ้าหนี้จะเปลี่ยนเป็นเจ้าหนี้ที่ดี ซึ่งถือเป็นเรื่องหลักที่จะเข้ามาช่วยดูแลคนจน
“สิ่งที่สั่งการวันนี้ได้มอบหมายไปว่าแนวทางเป็นยังไง และจะมาติดตามงานภายใน 3 เดือนนี้ ซึ่งที่ผ่านมาเวลามีนโยบายออกมาแล้วก็หายไป ไม่ได้ออกมาเป็นรูปธรรม ครั้งนี้จะต้องเห็น เพราะมีเวลาเหลือแค่ 1 ปีเท่านั้น นอกจากนี้ ในการจัดทำงบประมาณปี 2561 ก็อยากให้มีการจัดเก็บรายได้มากกว่า 2.4 ล้านล้านบาท เพราะต้องใช้จ่ายเงินเยอะมาก จึงได้มอบหมายให้กรมสรรพากรกับกรมสรรพสามิตไปหาแนวทางการหารายได้มาว่าจะทำอย่างไรให้เพิ่มมากขึ้น”นายสมคิด กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในเอกสารการประชุมมอบนโยบายยังมีแผนงานของกระทรวงการคลังปี 2560 ที่เป็นภารกิจงานที่ดำเนินการต่อเนื่อง ประกอบด้วย การเตรียมความพร้อมบังคับใช้ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่วปลูกสร้าง ศูนย์กระจายและจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี หรือ Border Town เขตเศรษฐกิจพิเศษ มาตรการจัดเก็บรายได้บริเวณโครงสร้างพื้นฐาน มาตรการภาษีสนับสนุนอุปกรณ์ลดอุบัติเหตุทางถนน การผลักดัน Thailand Future Fund การจัดตั้งกองทุนผู้สูงอายุ การแก้ไข พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ การยกร่าง พ.ร.บ.ทรัสต์เพื่อเป็นการทั่วไป เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย