ห่วงคนทำงานกลางแจ้ง ตากแดดนาน เสี่ยงโรคความร้อน

สธ.14 มี.ค.-กรมอนามัย เผยความร้อนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ แนะวิธีป้องกัน ไม่ควรตากแดดนาน เสี่ยงโรคที่เกิดจากความร้อน ได้แก่ ผื่นจากความร้อน บวมจากความร้อน  ตะคริวจากความร้อน เป็นลมจากความร้อน เพลียแดด และลมแดด (Heat Stroke) 


 

นพ.ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน  มีอุณหภูมิสูงขึ้นและมีอากาศร้อนอย่างต่อเนื่องในช่วงกลางวัน ซึ่งข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าฤดูร้อนของประเทศไทยปีนี้จะมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 35-37องศาเซลเซียสและในช่วงเดือนเมษายนจะร้อนที่สุดอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 42-43 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ซึ่งความร้อนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน  ตั้งแต่การเจ็บป่วยเล็กน้อยจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยข้อมูลของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคจากความร้อนเพิ่มขึ้นจาก 98 ราย ในปี พ.ศ. 2556 เป็น 2,457 ราย ในปี พ.ศ. 2559 โดยเฉพาะเดือนเมษายนของทุกปี


 

นพ.ดนัย กล่าวต่อไปว่า กลุ่มอาชีพที่พบผู้ป่วยสูงสุดคือกลุ่มคนงานรับจ้างทั่วไป รองลงมาคือกลุ่มอาชีพเกษตรกร และกลุ่มนักเรียน ซึ่งโรคที่เกิดจากความร้อนเรียงตามความรุนแรงจากน้อยไปมาก ได้แก่ ผื่นจากความร้อน บวมจากความร้อน ตะคริวจากความร้อน เป็นลมจากความร้อน เพลียแดดและรุนแรงที่สุด คือ โรคลมแดดหรือฮีตสโตรก (Heat Stroke) ที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง หากรักษาไม่ทัน  โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน ผู้ทำงานหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่น เกษตรกร คนงานก่อสร้าง นักกรีฑาหรือผู้ที่เล่นกีฬาหนักๆ และทหารเกณฑ์

 


ทั้งนี้ประชาชนควรติดตามสถานการณ์การเตือนภัยจากความร้อนอยู่เสมอ เพื่อป้องกันตนเองและหลีกเลี่ยงการทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดดเป็นเวลานานในวันที่อากาศร้อน ควรอยู่ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี หรือสถานที่ที่มีเครื่องปรับอากาศ ควรดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ โดยไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ หรืออย่างน้อย 2แก้วต่อชั่วโมง หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ควรสวมเสื้อผ้าสีอ่อน ไม่หนา น้ำหนักเบา ระบายความร้อนได้ดี สวมหมวกปีกกว้างหรือกางร่ม รวมถึงการใช้โลชั่นกันแดดที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไปทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน

 

ควรลดเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงเวลา 11.00–15.00 น. ควรอาบน้ำหรือเช็ดตัวด้วยผ้าเย็น โดยเฉพาะบริเวณหลังคอใบหน้าหูและข้อพับต่างๆและไม่ควรเปิดพัดลมจ่อตรงตัว  ในขณะที่อากาศร้อนจัด เพราะพัดลมจะดูดอากาศร้อนเข้ามาหาตัวเรา ควรตั้งพัดลมให้ห่างจากตัว หรือใช้พัดลมไอน้ำหรือให้นำอ่างใส่น้ำแข็งวางหน้าพัดลมจะช่วยให้อากาศเย็นลงได้

 

สำหรับเด็กหรือผู้สูงอายุ ไม่ควรทิ้งให้อยู่ในรถที่   ปิดสนิท และจอดกลางแดดตามลำพังเป็นเวลานาน อาจทำให้เสียชีวิตได้ หากพบคนไม่สบาย หรือต้องการความช่วยเหลือ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือติดต่อสายด่วน 1669 ทันที .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

นายกฯ สั่งลดขั้นตอนแจ้งเตือนภัย ลั่นยังไม่ได้ SMS แผ่นดินไหว

นายกฯ ลั่น จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับ SMS เตือนแผ่นดินไหว สั่งลดขั้นตอนแจ้งเตือน “กรมอุตุฯ ไป ปภ. เข้าเครือข่ายมือถือ” ไม่ต้องผ่าน กสทช. ระหว่าง รอ Cell Broadcast เต็มระบบ ก.ค.นี้

ปภ.ยันไม่มีความรู้สึกสั่นไหว ไม่ใช่ผลจากอาฟเตอร์ช็อก

ปภ.แถลงชี้แจงกรณีสถานการณ์อพยพออกจากอาคาร ยืนยันไม่มีความรู้สึกสั่นไหว ไม่ได้เป็นผลกระทบจากอาฟเตอร์ช็อก ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก

นายกฯ ติดตามภารกิจช่วยเหลือคนติดซาก สตง.ถล่ม

นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอาคาร สตง.ถล่ม ติดตามภารกิจช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ใต้ซากอาคาร พร้อมให้กำลังใจทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่

ตึกถล่มแผ่นดินไหว

72 ชั่วโมง ยังมีหวังพบผู้รอดชีวิตตึก สตง. ถล่ม

ใกล้ครบ 72 ชั่วโมงเหตุตึก สตง. ถล่ม แต่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายยังไม่ละความพยายาม และยังมีความหวังในการค้นหาผู้ที่ติดอยู่ใต้ซาก