กรุงเทพฯ 6 ม.ค. – นายชัยยุทธ์ คำรณ รองอธิบดีกรมศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรณีบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป เตรียมยื่นเอกสารขอนำรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 291 คัน ออกจากท่าเรือแหลมฉบังภายในสัปดาห์นี้ หากบริษัทเอกชนตัวแทนนำเข้าคือ บริษัท ซุปเปอร์ซารา ยื่นใบขนให้ทำการตรวจสอบรายละเอียดของรถเมล์ ซึ่งจอดอยู่ในเขตคลังทัณฑ์บนสินค้า เพื่อให้เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรตรวจสอบสภาพรถว่าถูกต้องมีรายละเอียดตามที่แจ้งใบขนหรือไม่ หากไม่ถูกต้องจะถูกดำเนินคดี แต่หากถูกต้องตามที่ใบขนแจ้งสามารถนำรถออกไปได้
เบื้องต้นเมื่อสภาพรถเมล์เข้าข่ายต้องนำมาพิจารณาดำเนินคดี จึงมี 2 ทางเลือกให้ดำเนินการ คือ 1. การนำเงินวางประกันให้คุ้มกับค่าปรับทางคดีกรมศุลกากร หรือ 2. ภาคเอกชนสามารถจ่ายภาษีนำเข้าร้อยละ 40 หรือ 1.4 ล้านบาทต่อคัน ทั้งหมด 291 คัน เป็นเงินทั้งหมด 407.4 ล้านบาท เพื่อนำไปเข้ากระบวนการทดสอบและติดตั้งระบบจีพีเอสตรวจสภาพจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จากนั้นค่อยมาต่อสู้คดีเกี่ยวกับการเสียภาษีนำเข้า หากมีข้อโต้แย้งในการใช้สิทธิ์ทางภาษีของกลุ่มอาเซียน เนื่องจากการสู้ทางคดีต้องใช้เวลานาน โดยทางกรมศุลกากรแหลมฉบังพร้อมให้บริษัทเอกชนมายื่นใบขน เพื่อนำรถออกไปให้บริการตามสัญญากับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แต่ต้องจ่ายเงินภาษีนำเข้าให้เรียบร้อย.-สำนักข่าวไทย