กรุงเทพฯ 14 พ.ย.- พ่อสาวไทยแจ้งกองปราบช่วยตามหาลูกสาวหายตัวกว่า1ปี เผยเป็นภรรยากับผู้ต้องหาอิสราเอลฆ่าโบกปูนนนทบุรี
นายอนันต์ แสงอุไร อายุ 62 ปี เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ให้ช่วยติดตามตัวนางสาวนันทิยา แสงอุไร อายุ 37 ปี ลูกสาวที่หายตัวไปนานกว่า 1 ปี และเป็นภรรยาของนายซีมอน บินตัน ชาวอิสราเอล ผู้ต้องหาคดีฆ่านายเฮลิยาฮู โคเฮน อดีตตำรวจชาวอิสราเอลและนำศพโบกปูนอำพรางคดีในบ้านพักย่านบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ก่อนถูกจับกุมพร้อมกับนายเบน ลูกชายวัย 17 ปี เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
นายอานันต์ ให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนว่า หลังทราบข่าวว่านายซีมอนอดีตลูกเขย ถูกจับกุม ตนจึงไป สภ.บางบัวทอง เมื่อวานนี้ เพื่อสอบถามถึงลูกสาวที่เป็นภรรยากับนายซีมอน ที่ไม่ได้ติดต่อกันนานกว่า 1 ปี โดยมีความกังวลว่าลูกสาวของตนจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนเคยสอบถามกับนายซีมอนซึ่งบอกแต่เพียงว่า ลูกสาวตนถูกทางการลาวจับตัวที่ด่านหนองคาย เพราะมียาเสพติด แต่เมื่อติดต่อไปที่สถานทูตลาวก็ไม่พบข้อมูล ตนจึงสงสัยว่าลูกสาวตนหายตัวไปไหน เมื่อสอบถามนายเบน ซึ่งเป็นหลานที่เกิดกับนายซีมอนและลูกสาวตน นายเบน ตอบแต่เพียงว่าไม่เคยเห็นหน้าแม่ และไม่รู้จัก
นายอนันต์ กล่าววต่อว่า น.ส.นันทิยา ลูกสาวได้รู้จักกับนายซีมอน ที่ตรอกข้าวสาร และได้อยู่กินกันจนตั้งท้อง ต่อมานายซีมอนได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวในคดีอุ้มฆ่าและนำศพไปทิ้งที่เมืองกาญจน์ และถูกจำคุกเป็นเวลา 10 ปี โดยที่ลูกสาวตนเลี้ยงดูนายเบนมาตลอดเวลาที่นายซีมอนติดคุก พอนายซีมอน พ้นโทษออกมาก็ถูกเนรเทศกลับอิสราเอล หลังจากนั้นนายซีมอนได้แอบเข้ามารับนายเบนกลับไปอยู่ที่ประเทศอิสราเอล เมื่อตอนนายเบน อายุได้ 12 ปี จนเมื่อปี 2558 นายซีมอนได้กลับมาเช่าบ้านอยู่ย่านบางบัวทอง โดยที่ลูกสาวตนได้ย้ายไปอยู่กับนายซีมอนด้วย หลังจากนั้นลูกสาวตนได้หายตัวไป เมื่อไปหานายซีมอนที่บ้านเช่าก็พบว่านายซีมอนย้ายบ้านหนีไปแล้ว จนกระทั่งมาทราบข่าวว่านายซีมอนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว
พันตำรวจเอกอรุณ วชิรศรีสุกัญญา ผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม กล่าวว่า ภายหลังสอบปากคำนายอานันต์ จะส่งชุดสืบสวนไปตรวจสอบบ้านพักบ้านย่านบางบัวทอง ซึ่งนายซีมอน และนางสาวนันทิยา เคยอาศัยอยู่ก่อนขายและย้ายออกไป ซึ่งทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีผู้อาศัยใหม่ย้ายมาอยู่นานกว่า 1 ปีแล้ว โดยจะเน้นตรวจบ่อเกรอะทิ้งน้ำเสีย นอกจากนี้จะตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายซีมอนและนางสาวนันทิยา ที่เคยโอนมาให้อานันต์ผู้เป็นพ่อ.-สำนักข่าวไทย